มองแรมให้เต็ม 4 GB ด้วย Vista 32 บิต

สาเหตุที่วินโดวส์ไม่สามารถมองเห็นหรือใช้งานแรมได้เต็ม 4 GB นั้นก็เนื่องมาจากวินโดวส์ไม่ได้ใช้แอดเดรสทั้ง 32 บิตไปกับแรมของเครื่องทั้งหมด แต่มันยังต้องใช้บางส่วนเพื่อไปอ้างอิงแอดเดรสกับหน่วยความจำของอุปกรณ์บางชนิด เช่น ที่เห็นหลักๆ ก็คือกราฟิกการ์ด ซึ่งเดี๋ยวนี้นั้นมีแรมมาให้บนการ์ดเองอย่างต่ำก็ 256 MB เข้าไปแล้ว หรือ บางรุ่นก็มีขนาดใหญ่ถึง 1 GB เลยที่เดียว ซึ่งหน่วยความจำบนการ์ดเหล่านี้จำเป็นต้องถูกอ้างอิงจากระบบปฏิบัติการด้วย ไม่อย่างนั้นระบบปฏิบัติการจะไม่สามารถส่งข้อมูลที่เป็น Frame Buffer ไปยังกราฟิกการ์ดได้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้บางเครื่องมองเห็นแรมแค่ 3.5 GB บ้าง หรือ บางเครื่องมองเห็นแค่ 3 GB บ้าง ดังนั้นวิธีการที่ดีที่สุดคือกลับไปใช้การ์ด sis 6326 รุ่นคลาสสิกพร้อมแรมบนการ์ด 8 MB เพื่อไม่ให้วินโดวส์ต้องเสียแอดเดรสไปกับการอ้างอิงแรมการ์ดมากนัก

แต่วิธีที่กล่าวมานั้นก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถใช้กับทุกเครื่องได้โดยเฉพาะเครื่องโน้ตบุ๊ก ดังนั้นผมจึงนำเอาวิธีการที่สุดยอดกว่ามาฝากกันด้วยวิธีง่ายๆ แต่ได้ผล ซึ่งเป็นวิธีที่เราสามารปลดล็อกแอดเดรสอีก 4 บิตของวินโดวส์ออกมาใช้งานได้เพื่อให้วินโดวส์ที่เราใช้งานกลายเป็นวินโดวส์ 36 บิตนั่นเอง เมื่อวินโดวส์ของเรามีแอดเดรสที่มากถึง 36 บิตแล้วก็เท่ากับว่า 236=68,719,476,736 หรือ ประมาณ 60-70 กิกะไบต์ เหลือเฟือทีเดียว โดยที่ไม่ต้องกังวลแล้วว่าจะต้องถูกแบ่งไปอ้างอิงให้กับกราฟิกการ์ดเท่าไหร่
วิธีการที่เราจะใช้นั้นเป็นเทคนิคที่เรียกว่าการเปิดโหมดอ้างอิงแอดเดรสหน่วยความจำแบบ PAE (Physical Address Extension) ซึ่งเป็นวิธีการที่ระบบปฏิบัติการใช้อ้างอิงหน่วยความจำแบบใหม่ช่วยให้เราสามารถขยายขีดความสามารถของระบบขึ้นไปได้อีก 4 บิตนั่นเอง แต่นี้ก็ต้องมีเงื่อนไขอยู่ว่าซีพียูที่คุณใช้งานอยู่นั้นจะต้องสามารถรองรับการทำงานแบบ 64 บิตด้วย
การเปิดโหมด PAE นั้นก็ไม่ยุ่งยาก เพียงแค่เข้าไปยัง Command Line แต่คุณจำเป็นต้องรันด้วยสิทธิ์ของ administrator เท่านั้น จึงต้องเขาไปที่ Start Menu > Accessories > Command Prompt แต่แทนที่จะคลิกซ้ายเพื่อรันธรรมดา ให้คลิกขวาแล้วเลือก run as administrator แทน เมื่อเข้าถึงหน้าต่าง DOS แล้ว ให้พิมพ์คำสั่ง

BCDedit /set nx AlwaysOff
BCDedit /set PAE forceenable

ซึ่งคำสั่งนี้จะเป็นการบังคับให้ระบบปฏิบัติการปิดฟังก์ชันการทำงานของ DEP (Data Execution Prevention) และเปลี่ยนไปใช้วิธีการอ้างอิงแอดเดรสของหน่วยความจำแบบใหม่ทันทีหลังจากเราได้ทำการรีสตาร์ตเครื่อง ซึ่งเหตุผลที่เราจำเป็นจะต้องไปปิดการทำงานของ DEP ก่อนก็เพราะว่า PAE และ DEP นั้นมีความสัมพันธ์กัน และ PAE จะถูกปิดการทำงานโดยอัตโนมัติหาก DEP ถูกปิด ดังนั้นเราจึงได้สั่ง DEP ปิดตัวเองไปตลอดเลย แล้วบังคับให้เปิดโหมด PAE แทน
การทำงานในโหมด PAE เอง แม้ว่าจะสามารถทำให้คุณสามารถทำให้คุณมองเห็นแรมได้เต็ม 4 GB จริง แต่นั่นก็ต้องยอมแลกมาด้วยการทำงานที่ช้าลงเนื่องจากจามปกติ Vista จะใช้เวลาในการทำ page translate แค่ 2 รอบเท่านั้น แต่ด้วยวิธีการใหม่จะต้องใช้ถึง 3 รอบ ดังนั้นคุณอาจจะได้แรมเพิ่มขึ่นมาก็จริง แต่ความเร็วอาจจะไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างที่คิดก็เป็นไปได้เช่นกัน

ไม่มีความคิดเห็น: