จอ OLED รุ่นใหม่โปร่งใสและดัดโค้งงอได้

ในระหว่างงานประชุม CEATEC ในชิบะประเทศญี่ปุ่น บริษัท TDK ได้นำเสนอเทคโนโลยี OLED จอแสดงผลรุ่นใหม่ที่มีคุณสมบัติคล้ายฟิล์ม คือมีความโปร่งใสจนสามารถมองเห็นทะลุได้ นอกจากนี้ยังสามารถแสดงภาพในขณะที่จอถูกดัดให้โค้งงอได้อีกด้วย ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบของเทคโนโลยีจอแสดงผลชนิดนี้ที่เหนือกว่าจอที่ทำจาก แก้วที่แตกร้าวได้ง่าย

TDK คาดว่าจะเริ่มผลิตฟิล์มแสดงผลภายในหนึ่งปี นั่นหมายความว่า เราอาจจะได้เห็นมือถือที่ใช้จอ OLED ชนิดนี้ก่อนสิ้นปี 2011 ก็ได้ โดยนอกจากจะผลิตจอแสดงผลดังกล่าว เพื่อใช้กับมือถือแล้วTDK ยังมองว่า ฟิล์มแสดงผลชนิดนี้ยังเหมาะกับเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้สวมใส่ (wearable electronics) อย่างเช่น แว่นตาแสดงผล Augmented Reality ที่สามารถมองเห็นสิ่งที่ตรงหน้า และภาพกราฟิกที่ปรากฎบนฟิล์ม OLED ที่ใช้แทนกระจกแก้ว หรือด้วยความที่มันมีความยืดหยุ่นโค้งงอได้ ในบูธของ TDK ยังได้มีการนำเสนอสายรัดข้อมือที่มาพร้อมกับฟิล์มแสดงผลชนิดนี้ รวมถึงใน อนาคตสามารถพัฒนาเป็นวิวไฟน์เดอร์ของกล้องถ่ายรูป หรือแม้แต่ใช้หน้าจอชนิดนถ่ายรูปสำหรับ Cameraphone ได้เลย จุดเด่นของเทคโนโลยีนี้ก็คือ ภาพที่สว่างสดใสจนสามารถมองเห็นภายใต้แสงสว่างในธรรมชาติ และพวกที่ชอบก้ม หน้าดูมือถือเวลาเดินก็จะไม่ตกท่อ เพราะจอใส :D สำหรับต้นแบบที่นำมาโชว์จะมีขนาด 2 และ 3.5 นิ้ว แต่จะมีความละเอียดสูงถึง 200 พิกเซลต่อนิ้ว

ตู้หยอดเหรียญฯ "ปูเป็น" ในแดนมังกร

รายงานข่าวนี้มาจากรายการทีวีในญ๊่ปุ่น แต่เป็นนวตกรรมที่เกิดขึ้นในจีน เป็นที่ทราบกันดีว่า คุณสามารถพบตู้หยอดเหรียญฯ (vending machine) ที่นำเสนอสารพัดสินค้า ว่ากันตั้งแต่น้ำอัดลมไปจนถึงเครื่องเล่นเกมส์ได้ในญี่ปุ่น แต่ล่าสุดในจีนได้มีการทำตู้หยอดเหรียญฯให้บริการแม่บ้านด้วย "ปูเป็นๆ" ว้าว!!!


สำหรับตู้หยอดเหรียญฯ เพื่อซื้อปูเป็นๆ ไปทำอาหารนั้น ความลับของมันอยู่ที่ตู้ที่ให้บริการจะเป็นตู้แช่เย็น เพื่อรักษาอุณหภูมิ และความสดให้กับปูเหล่านี้ โดยปูทุกตัวจะถูกจับใส่กล่องพลาสติกที่พอดิบพอดี กับตัวมัน เรียกได้ว่า ขยับแข้งขยับขากันไม่ได้เลยทีเดียว เมื่อหยอดเหรียญฯ เข้าไปแล้วกดปุ่มเลือกปูที่โชคดีที่จะได้ออกจากกล่องอัน คับแคบ เพื่อไปลงกระทะร้อนๆ ที่บ้าน :( ก็จะถูกดันเลื่อนให้ตกลงมาช่องด้านล่าง เพื่อให้ผู้ซื้อหยิบได้สบายๆ ว่าแต่ถ้าเป็นบ้านเรา สงสัยจะต้องโดนมือดีเขย่าตู้ให้ปูร่วงลงมา

ให้ AIMP2 แสดงชื่่อเพลงที่กำลังเล่นอยู่ (MSN)

ใครที่ใช้ AIMP2 อยู่ คงมีบางคนอยากให้แสดงชื่อเพลงบน MSN เหมือนวินโดวส์มีเดียเพลเยอร์หรือปลั๊กอินของวินแอมป์แบบนี้หรือเปล่า



ผมมีวิธีมานำเสนอครับ โดยใช้ Plugins ของวินแอมป์ โหลดได้ที่นี่ครับ Download

ให้แตกไฟล์นี้ลงในโฟลเดอร์ plugins ของโปรแกรม AIMP2 ครับ แล้วลองล๊อกอิน เข้า MSN

เราจะเห็นชื่อเพลงที่กำลังเล่นอยู่ ส่วนที่เหลือ

วิธีซ่อนโฟลเดอร์ และซ๋อนไฟล์ Zip-Rar ด้วย DOS

พอดีบังเอิญไปเจอปัญหาเกี่ยวกับการ hiden ไฟส์มาครับ ซ่อนไฟส์ไว้แล้วยกเลิกการซ่อนไฟส์ทาง windows ไม่ได้ ฮาดดิสก็แจ้งว่ามีข้อมูลอยู่แต่เปิดไม่เจอไฟส์ ก็เลยต้องใช้ DOS เข้ามาช่วยครับ
เริ่มจากวิธีการสร้างโฟลเดอร์ก่อนล่ะกัน

1. สร้างโฟลเดอร์ที่ต้องการซ่อน
เราจะไปที่ DOS นะครับ ด้วยคำสั่ง Start > Run > พิมพ์ cmd
และเมื่อเปิด DOS ขึ้นมาให้พิมพ์คำสั่ง
c:\>md test แล้ว enter
เพื่อสร้างโฟลเดอร์ขึ้นมา


2. วิธีซ่อน
ให้พิมพ์คำสั่ง c:\>attrib +s +h C:\TEST ตามด้วยกดปุ่ม Enter ที่คีย์บอร์ด
เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยในการซ่อนครับ โดยความหมายของคำสั่ง attrib +s +h C:\TEST ก็คือ
attrib = คุณลักษณะ หรือคุณสมบัติ
+ = adds an attribute
s = System
h = Hidden
C:\TEST = ตำแหน่งและชื่อของโฟลเดอร์

3. ยกเลิกการซ่อน
ไปที่ DOS เช่นเดิมครับ ด้วยคำสั่ง Start > Run > พิมพ์ cmd
ตามด้วยพิมพ์คำสั่ง c:\>attrib -s -h C:\TEST และกดปุ่ม Enter ที่คีย์บอร์ด

โดยความหมายของคำสั่ง -s -h C:\TEST ก็คือ
attrib = คุณลักษณะ หรือคุณสมบัติ
- = removes an attribute
s = System
h = Hidden
C:\TEST = ตำแหน่งและชื่อของโฟลเดอร์

นอกจากนี้เรายังสามารถซ่อนในรูปแบบอื่นๆ ที่ไม่ใช่โฟลเดอร์ได้อีกด้วย
เช่น ซ่อนไฟล์รูปภาพ, ไฟล์เพลง หรือไฟล์เอกสารต่างๆ เป็นต้น
โดยใช้คำสั่งที่ใกล้เคียงกัน และระบุนามสกุลของไฟล์ที่ต้องการซ่อนลงไป
เช่น หากเราต้องการซ่อนไฟล์ test.txt ซึ่งต้องอยู่ที่ Drive C นะครับ
เราจะซ่อนไฟล์ test.txt ด้วยคำสั่ง c:\>attrib +s +h C:\test.txt
และยกเลิกการซ่อนด้วยคำสั่ง c:\>attrib -s -h C:\test.txt

หากต้องการซ่อนหรือยกเลิกไฟส์ทั้งหมดในโฟลเดอร์ ก็ c:\>attrib +s +h C:\test\*.* และ c:\>attrib -s -h C:\test\*.*

หรือหากต้องการให้อ่านไฟล์ได้เพียงอย่างเดียว และห้ามไม่ให้มีการแก้ไขใดๆ
เราจะใช้คำสั่ง c:\>attrib +s +r C:\test.txt เป็นต้น

Key: a = Archive, r = Read-Only, h = Hidden, s = System


หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆนะครับหากเจอปัญหาเดียวกันกับผม

LG วางขายมือถือ Optimus Z ในเกาหลี ควบคุมมือถือผ่านคอมได้

LG วางขายมือถือ Android แบรนด์ Optimus มาสองตัวคือ Optimus เฉยๆ กับ Optimus Q ทั้งสองตัวยังไม่สามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนในตลาดได้มากนัก

วันนี้ LG ส่งมือถือตัวที่สาม Optimus Z ทำตลาดประเทศเกาหลีใต้ มันมาพร้อมกับซีพียู Qualcomm Snapdragon 1GHz, จอ 3.5" Hyper HD LCD (ไม่มีข้อมูลว่ามันเป็นยังไง) ความละเอียด 800x480, กล้อง 5 MP และรองรับระบบทีวีบนมือถือ T-DMB ของเกาหลีใต้ ระบบปฏิบัติการเป็น Android 2.1 ที่สัญญาว่าจะอัพเป็น 2.2 ภายในปีนี้

สเปกข้างต้นเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆ ก็มีกัน อันที่แปลกกว่าใครเขามีดังนี้

* แบตเตอรี่ 1,350mAh สองก้อน แต่ไม่มีข้อมูลว่าคุยได้นานแค่ไหน
* ฟีเจอร์ On Screen Phone แสดงอินเทอร์เฟซของมือถือบนหน้าจอคอม (ผ่าน Bluetooth หรือสาย USB) เพื่อให้ควบคุมมือถือจากคอมพิวเตอร์ได้ รวมถึงสามารถลากเอกสารไปใส่มือถือได้จากอินเทอร์เฟซนี้เลยโดยตรง
* ฟีเจอร์ Drag & Shake ให้เจ้าของ Optimus Z สองคนสามารถแลกไฟล์กันได้แค่เอามือถือมาเขย่าๆ กัน

Optimus Z มาพร้อมกับแอพพลิเคชันพรีโหลดกว่า 100 ตัว ซึ่งเป็นแอพพลิเคชันยอดนิยมในเกาหลี และ 70 ตัวในนี้ไม่มีใน Android Market

ดูท่าทางแล้ว Optimus Z น่าจะขายในเกาหลีเท่านั้น??? แต่ LG ยังมีมือถือ Optimus อีกหลายรุ่นรอคิวอยู่ (ดูข่าวเก่า LG เปิดตัวโทรศัพท์ Android 2.2 ในชื่อตระกูล Optimus, วางตลาด 10 รุ่นในปีนี้) รวมถึงแท็บเล็ต Android ที่จะเปิดตัวในไตรมาสสุดท้ายของปีอีกด้วย ที่มา - Android Central

แอปเปิลเปิดตัว Aperture 3 พร้อม 200 ฟีเจอร์ใหม่

Aperture เป็นโปรแกรมจัดการภาพถ่ายระดับมืออาชีพสำหรับ Mac OS X ได้ออกอัพเดทเวอร์ชันใหม่คือ Aperture 3 มาในวันนี้แล้วครับ โดยเปิดตัวที่ราคา 199 USD (7,290 บาท) และสำหรับอัพเกรดจาก Aperture 1 หรือ 2 ราคา 99 USD (3,690 บาท)
โดยผมจะขอพูดถึงแค่ส่วนหลักๆ ที่เพิ่มเติมขึ้นมาจากตัว Aperture 2 นะครับ

* ในเวอร์ชันนี้ได้มีปรับเปลี่ยน Interface ใหม่เล็กน้อย เช่น ไอคอนตรงส่วนของ Toolbars ด้านข้าง
* จดจำใบหน้าบุคคลในภาพ ด้วยเทคนิค Face Detection และ Face Recognition เหมือนใน iPhoto '09 และสามารถจัดหมวดหมู่แยกแต่ละใบหน้าได้
* จดจำสถานที่ถ่ายภาพ สามารถเพิ่มข้อมูลสถานที่ไว้ในภาพที่เราถ่ายได้ โดยภายในโปรแกรมจะมีแผนที่มาให้ซึ่งจะแสดงสถานที่จากค่า GPS ใน EXIF ของภาพ
* การปรับแต่งภาพด้วย Brushes สำหรับการแก้ไขภาพในบางส่วน
* การจัดการภาพด้วย Effect ต่างๆ และการใช้ Preset จัดการภาพในปริมาณมากๆ
* จัดการภาพในหน้าจอแบบ Full-Screen
* การสร้าง Slideshow โดยสามารถใส่เสียง และวิดีโอลงในสไลด์ได้ ซึ่งหลังจากทำเสร็จสามารถ Export เป็นไฟล์วิดีโอออกมาได้
* สามารถอัพโหลดภาพไปยัง Facebook, Flickr และ MobileMe Gallery ผ่านตัว Aperture 3 ได้เลย
* สามารถ Import Library จาก iPhoto '09 มาใช้งานต่อใน Aperture 3 ได้เลย
* Aperture 3 สนับสนุนในรุ่น 64-Bit ด้วย แต่ก็ยังสามารถใช้ในรุ่น 32-Bit ได้อยู่ โดยรวมแล้วถือว่าใส่ความสามารถใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมามากเลย ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าจะสามารถต่อสู้กับโปรแกรมแต่งภาพอื่นๆ เช่น Adobe Lightroom ที่กำลังจะออกเวอร์ชัน 3 สำหรับ Mac OS X ได้หรือไม่ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม ติดตามได้จากที่มาเลยครับ

ที่มา - Apple

เปลี่ยน Logo Windows ตอน Boot และ Shutdown

คุณสามารถเปลี่ยนรูปภาพโลโก้ Windows ตอน Boot เครื่อง และรูปภาพที่บอกคุณว่า "Please wait while Windows is shutting down" และ "It is now safe to turn off your computer" มาเป็นรูปภาพตามแบบที่คุณต้องการได้ โดยแก้ไข file logow.sys และ logos.sys ซึ่งทั้งสองไฟล์นี้อยู่ใน folder "C:\Windows" หากคุณเบื่อกับโลโก้เดิมๆ และ รูปภาพตอน Shutdown ที่จืดชืด เรามาเปลี่ยนรูปภาพเหล่านี้กันดีไหมครับ เริ่มกันเลย

1. จริงๆ แล้วไฟล์เหล่านี้เป็นไฟล์รูปภาพ bitmap มาตรฐานทั่วไปมีนามสกุลเป็น .bmp
logow.sys คือรูป "Please wait while Windows is shutting down"
logos.sys คือรูป "It is now safe to turn off your computer"
2. คุณสามารถใช้โปรแกรมกราฟิกทั่วๆ ไปเช่น Microsoft Paint, Adobe Photoshop, Paint Shop Pro ฯลฯ แก้ไขรูปภาพเหล่านี้ได้ หรือหากต้องการนำรูปภาพที่เราต้องการมาเปลี่ยนก็ได้เช่นกัน
3. ไฟล์เหล่านี้เป็น bitmap 256 color มีขนาด 320 x 400 pixel แต่แตกต่างจากไฟล์รูปภาพทั่วไปตรงที่ ไฟล์เหล่านี้ถูกย่อให้อยู่ในอัตราส่วน 4 : 3 เพราะฉะนั้นหากคุณต้องการให้รูปภาพที่ได้มีขนาดพอดีกับของเดิม ต้องสร้างรูปภาพที่ 534 x 400 pixel ก่อนเมื่อเสร็จแล้วจึงเปลี่ยนขนาดเป็น 320 x 400 pixel
4. หลังจากการแก้ไข แต่งเติมรูปภาพแล้วก็เปลี่ยนนามสกุลให้เป็น .sys ตามชื่อรูปที่ต้องการจะเปลี่ยน แล้วนำแทนที่ของเดิมใน "C:\Windows" (อย่าลืม Backup ของเก่าเก็บไว้ด้วยนะครับ)
5. สำหรับ Logo ที่เป็นรูป Windows ตอน Boot เครื่อง ก็สร้างวิธีเดียวกันนี้แหละครับ แต่ไฟล์ที่ได้ให้ตั้งชื่อว่า logo.sys และนำไปเก็บไว้ที่ "C:\"

วิธีการ แปลงตลับหมึก Epson ให้กลับมา refill ได้อีกครั้ง

Chip Resetter สำหรับตลับหมึก Epson

ทำไมจึงต้องใช้ Chip Resetter กับตลับหมึก Epson
เพราะ ตลับหมึก Epson มีชิพที่เก็บข้อมูลการใช้เครื่องพิมพ์ เมื่อหมึกหมดจะไม่สามารถเติมหมึกได้ เพราะชิพจะเก็บข้อมูลการใช้งานไว้ แม้เติมหมึกแล้ว ข้อมูลหมึกหมดก็ยังเก็บไว้ใน
ชิพ Chip Resetter จึงมีหน้าที่ในการล้างข้อมูลเก่า ให้เหมือนชิพที่ยังไม่ถูกใช้งาน จึงจะ
สามารถเติมหมึกในตลับเดิมได้เรื่อย ๆ ซึ่งเป็นการประหยัดเงินได้มาก เพราะการซื้อหมึกเป็นตลับ โดยเฉพาะหมึกของแท้จะราคาแพงมาก

เติมหมึกแล้วหัวพิมพ์ตัน ?

มีความเข้าใจผิดกันเป็นจำนวนมากเกี่ยวกับการเติมหมึกด้วยตนเอง แล้วหัวพิมพ์ตัน
หลัง จากเอาตลับหมึกออกมาจากเครื่องพิมพ์ และเติมหมึกจนเติมแล้ว เมื่อเราเอาตลับใส่คืนเข้าไปในเครื่องพิมพ์ น้ำหมึกยังไม่ไหลเข้าไปในท่อหมึกทันที ดังนั้นเมื่อเราสั่งทดลองพิมพ์จึงมักปรากฎว่า บางสีหมึกไม่ออก ส่วนใหญ่มักจะตกใจ สั่งล้างหัวพิมพ์ทันที พอสั่งลองพิมพ์อีก หมึกก็ไม่ออกอีก จึงนึกว่าหัวพิมพ์ตันแน่แล้ว เลยสั่งล้างหัวพิมพ์อีก ก็ยังพิมพ์ไม่ออกอีก จนท้อใจเลิกเติมหมึก
เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ตของเอปสัน จะมีท่อส่งหมึกไปยังหัวพ่นหมึก ดังนั้นเมื่อเราดึงตลับหมึกออกจากเครื่องพิมพ์น้ำหมึกในท่อก็จะขาดไป และมีอากาศเข้าไปแทรก คำแนะนำมีดังนี้

1. หลังจากเติมหมึกและเอาตลับหมึกใส่กลับเข้าไปแล้ว ให้ทิ้งไว้ 30 นาที (ทิ้งไว้นานเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น เพื่อให้หมึกไหลเข้าไปแทนที่อากาศอย่างสมบูรณ์) จึงค่อยสั่งทดลองพิมพ์ ถ้าโชคดีอาจไม่ต้องล้างหัวพิมพ์
2. ถ้าสั่งทดลองพิมพ์แล้ว สีหมึกออกมาเป็นแถบ ๆ แบบหมึกออกบ้างไม่ออกบ้าง อันนี้สั่งล้างหัวพิมพ์เลย แต่สั่งล้างหัวพิมพ์แล้วก็อย่าเพิ่งสั่งพิมพ์ทันที ทิ้งไว้อีกสักครึ่งชั่วโมงแล้วค่อยสั่งพิมพ์
3. เติมหมึกแล้วควรทิ้งไว้ 6 ชั่วโมงเลยครับ หลังจากเติมหมึกเสร็จทิ้งไว้ข้ามคืนหรือไม่ก็ข้ามวันแล้วค่อยมาพิมพ์ แม้กระทั่งสั่งล้างหัวพิมพ์ก็เหมือนกัน กลับมาพิมพ์รับรองใช้การได้
4. ถ้าพิมพ์อยู่ดี ๆ แล้วหมึกสีใดสีหนึ่งหายไป แสดงว่าหมึกสีนั้นหมดแล้ว ถอดตลับหมึกออกมาเติมได้เลย อย่าคิดว่าหัวพิมพ์ตันนะครับ อย่าไปเชื่อซอฟต์แวร์ของเครื่องพิมพ์ว่าหมึกคุณยังเหลืออยู่ เพราะหมึกแต่ละสีใช้ไม่เท่ากัน ยิ่งเครื่องพิมพ์รุ่นราคาถูก ๆ คุณพิมพ์แบบโฟโต้ได้ไม่เกิน 10 รูปหมึกก็หมดแล้วครับ เพราะตลับหนึ่ง แต่ละสีจุหมึกน้อยมาก
5. การล้างหัวพิมพ์บ่อย ๆ จะเปลืองหมึกมาก ผู้ขายหมึกเติมบางรายแนะนำให้ล้างหัวพิมพ์ 2 ครั้ง ไม่จำเป็นครับ สั่งล้างครั้งเดียวแล้วทิ้งไว้คืนหนึ่ง รับรองใช้ได้ กรณีล้างหัวพิมพ์บ่อย ๆ นอกจากเปลืองหมึกแล้ว จะเปลืองแผ่นซับหมึกด้วย(เครื่องพิมพ์เอปสันใช้ไประยะหนึ่งคุณต้องเปลี่ยน แผ่นซับหมึก)
6. กรณีมีงานด่วนรอเป็นชั่วโมงไม่ได้ คุณต้องมีหมึก 2 ตลับไว้สลับกัน พอถอดอันเก่าออก ให้รีบใส่ตลับใหม่เข้าไปเลย ก็จะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องมีอากาศแทรกในท่อหมึก คุณสมบัติ
• สามารถ reset ตลับหมึกอิงค์เจ็ตของ Epson ได้ทุกรุ่น
• มีสัญญาณไฟเขียวแสดงเมื่อ reset เรียบร้อยแล้ว
• ใช้เวลาเพียงแค่ 3-5 วินาที
• ใช้งานง่าย โดยไม่ต้องถอด chip เพียงแค่นำตลับหมึกประกบกับแท่น reset
• ใช้งานได้ไม่จำกัดครั้ง แบตเตอรี่มีอายุใช้งานมากกว่า 1,000 ครั้ง
• สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้เมื่อไฟหมด

วิธีใช้งาน Chip Resetter

1. นำตลับหมึกหงายขึ้น สอดตลับหมึกให้เข้ากับร่องบากบน chip resetter ซึ่งมีหลายขนาด ตามชนิดของตลับหมึก
2. ถ้าสอดตลับหมึกกับแท่น chip resetter ได้ถูกต้อง เข็มของ chip resetter จะสัมผัสกับแผ่น chip ได้พอดี

ปัญหาการใช้งาน Chip Resetter

1. ไฟ LED บนแท่น Chip resetter ไม่กระพริบ เกิดจาก
1.1 เข็มของ chip resetter สัมผัสกับแผง chip ของตลับหมึกไม่สนิท
1.2 ไม่ใช่ตลับหมึกแท้ของ Epson ตลับหมึกเลียนแบบบางยี่ห้อจะ reset ไม่ได้
1.3 ชิพเสีย
1.4 ไฟในแบตเตอรี่ของเครื่อง Chip Resetter หมด หลังจากใช้ไป เกินกว่า 1,000 ครั้ง
2. หมึกออกไม่สม่ำเสมอ เกิดจาก
2.1 มีอากาศแทรกอยู่ในตลับหมึกในขณะที่เติมหมึก ให้ลองใช้คำสั่ง Head cleaning 1-2
ครั้ง หรือเติมหมึกใหม่ แล้ว reset อีกครั้ง
2.2 เติมหมึกยังไม่เต็ม หรือน้อยเกินไป ให้เติมหมึกใหม่ แล้ว reset อีกครั้ง

เพิ่มประสิทธิภาพให้ฮาร์ดดิสก์ SATA ใน Windows Vista

โดยความเร็วที่เพิ่มขึ้นของฮาร์ดดิสก์มาจากการเปิดการทำงานของ write caching ซึ่งมันจะทำให้ข้อมูลที่ต้องการบันทึกลงบนฮาร์ดดิสก ์ถูกบันทึกลงบนหน่วยความจำแคชที่มีความเร็วมากกว่า ก่อนที่จะเขียนลงฮาร์ดดิสก์อีกทีหนึ่ง โดยหลังจากข้อมูลดังกล่าวถูกบันทึกลงแคชแล้ว มันก็จะแจ้งกลับไปยังระบบปฏิบัติการว่า เขียนข้อมูลเสร็จแล้ว เพื่อให้วิสต้าสามารถทำงานอื่นต่อไปได้ทันที

อย่างไรก็ตาม ไมโครซอฟท์แนะนำให้ใช้วิธีนี้กับคอมพิวเตอร์ที่มีระบบไฟสำรอง เนื่องจากมันเสี่ยงต่อการสูญหายของข้อมูล หากไฟดับในขณะที่ข้อมูลในแคชยังไม่ถูกเขียนลงบนฮาร์ดดิสก์ แต่ถ้าเป็นโน้ตบุ๊กก็หายห่วงเรื่องนี้ไป ยกเว้นแบตเตอรี่โน้ตบุ๊กจะหมดเสียก่อน สำหรับวิธีเพิ่มความเร็วให้กับการทำงานของฮาร์ดดิสก์ SATA มีดังนี้

- คลิ้กปุ่ม Start เลือก Control Panel คลิ้ก System and Maintenance แล้วเลือก Device Manager
- คลิ้กเครื่องหมายบวกหน้ารายการ Disk Drives
- คลิ้กขวาบนไอคอนฮาร์ดดิสก์ SATA เลือก Properties
- คลิ้กแท็บ Policies สังเกตในกรอบ Write Cachine and Safe Removal เลือกเช็กบ็อกซ์หน้าหัวข้อ Enable advanced performance
- คลิ้กปุ่ม OK แล้วปิดหน้าต่าง Device Manager

เพียงแค่นี้ ประสิทธิภาพการทำงานของระบบก็จะเร็วขึ้นอีกระดับหนึ่งแล้ว

ตรวจม้าโทรจันว่าเข้ามาในเครื่องคุณหรือเปล่า

ให้ตรวจสอบการทำงานของเครื่องท่านโดยการกดปุ่ม start-->program-->MS-Dos Prompt
แล้วพิมพ์ netstat -an
ถ้าท่านพบคำว่า TCP 0.0.0.0: 12345 หรือ 12346 แสดงว่าเครื่องของท่านโดนม้าโทรจันแล้วครับ (2portนี้คือNetbusครับ)
หรือถ้าพบคำว่า UDP 0.0.0.0 :313337 แสดงว่าท่านโดนม้าโทรจันโปรแกรมBOแอบเข้ามาในเครื่องท่านแล้วนะครับ

จ้องจอทั้งวัน ปวดตาทำอย่างไรดี

รู้ใหมว่าการจ้องจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ นอกจากจะทำให้ดวงตาปวดและล้าแล้ว รังสีจากจอยังสร้งความระคายเคือง และส่งผลให้ตาแก้งอีกด้วย

คุณสามารถบรรเทาอาการตาแห้งด้วยการหลอดตาด้วยน้ำตาเทียม (มีขายตามร้านขายยาทั่วไป) ส่วนอาการอ่อนล้าของสายตา แนะนำให้คุณพักสายตาสักครู่ หรือทอดสายตามองดูต้นไม้ใบเขียวที่อยู่นอกหน้าต่าง แต่ถ้าไม่ยากปวดตา ขอแนะนำให้หาแผ่นกรองรังสีมาติดหน้าจอ และเวลานั่งทำงานควรนั่งให้ห่างจากหน้าจออย่างน้อย 60 ซม. กระพริบตาบ้าง รวมถึงทุก ๆ 20 นาทีควรละสายตาจากหน้าจอสักครู่ สุดท้ายให้ดื่มน้ำเยอะ ๆ ครับ

ซ่อนไดร์ฟที่อยู่ใน My Computer XP

My Computer จะแสดงให้ให้ไดร์ฟต่าง ๆ ที่มีอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ และสามารถเข้าไปเปิดใช้ข้อมูลในไดร์ฟต่าง ๆ เหล่านั้นได้ ถือว่าเป็นเครื่องมือหลักที่มีความสำคัญมากทีเดียว ในกรณีที่คุณใช้เครื่องหลายคน คุณอาจจะปิด My Computer นี้ไว้เป็นครั้งคราวเพื่อความปลอดภัย วิธีการทำมีดังต่อไปนี้

1. คลิก Strat > Run
2. พิมพ์คำสั่ง gpedit.msc
3. คลิกปุ่ม OK จากนั้นจะปรากฎหน้าต่าง Group Polcy ขึ้นมา
4. เข้าไปที่ Administrative Templates
5. คลิกลงบนโฟลเดอร์ Desktop
6. ดับเบิ้ลคลิกที่รายการ Remove My computer icon on the desktop
7. . จะปรากฎไดอะล๊อกบ๊อกซ์ Remove My computer icon on the desktop Properties ให้คลิกที่ Option Enabled
8. คลิกปุ่ม Apply แล้วคลิกปุ่ม OK เพื่อยืนยันสั่ง

ดูดเว็บให้หมดง่าย ๆ ด้วย HTTrack Website Copire

คุณเบื่อหือไม่ ที่จะต้องมานั่งคลิกลิงคฺ์ แล้วรอข้อมูล หรือคุณอยากได้ข้อมูลบนเว็บไซต์นั้น แต่ขี้เกียจมานั่ง Save as เว็บเพจทีละหน้า วันนี้ผมจะมาแนะนำ

การ Save ทั้งเว็บโดยใช้โปรแกรม HTTrack Website Copire ซึ่งเป็นฟรีแวร์ และใช้งานง่าย ๆ เรามาเริ่มกันเลยครับ

1. ให้คุณไป Download โปรแกรม HTTrack Website Copire มาครับ ที่ http://www.httrack.com/page/2/en/index.html
2.ทำการติดตั้งให้เรียบร้อย แล้วเปิดโปแกรมขึ้นมา ซึ่งหน้าตาของโปรแกรมจะเป็นเหมือนดังรูปด้านล่าง จากนั้นให้คลิกที่ Next
3. ใส่ชื่อโปรเจ็คที่ New Project Name แล้วคลิกเลือกที่เก็บว่าจะเก็บไว้ที่ไหนแนะนำว่าควรสร้างเป็นโฟลเดอร์แยกไว้ ต่างหาก จากนั้นให้คลิก Next
4. คลิกที่ Add URL เพื่อใส่ URL ของเว็บที่ต้องการ Copy แล้วคลิก OK
5. ให้คลิกที่ Set option เพื่อตั้งค่าต่าง ๆ ที่แท็บ Scan Rules ให้ใส่นามสกุลของไฟล์ท่ต้องการ Copy
6. ที่แท็บ Flow Control ใส่ค่า Number of connection เพื่อจำกัดการเชื่อมต่อ ซึ่งถ้าคุณเชื่อมต่อโดยโมเด็มให้กำหนดไว้อย่าเกิน 10 เพราะถ้าเกินจะทำให้ การส่งข้อมูลช้า ที่ Retries ใส่ 6 จากนั้นให้คลิกที่ OK
7. จากนั้นให้คลิกที่ Next
8. ให้คลิกเครื่องหมายถูกที่ Disconnect when finished เพื่อเมื่อ Copy เสร็จแล้วให้ปิดอินเตอร์เน็ต แล้วคลิกที่ Finish
9. โปรแกรมจะเริ่มทำการ Copy และมีแถบแสดงความคืบหน้าด้วย ซึ่งอาจจะใช้เวลานานถ้าเว็บนั้น ๆ ใหญ่

* ถ้าต้องการดูรายละเอียดไฟล์ที่กำลังดาวน์โหลดอยู่ให้คลิกที่ชื่อไฟล์นั้น ๆ
* คุณสามารถเปิดเว็บไซต์ที่คุณ Copy ได้ที่โฟลเดอร์ที่คุณสร้างไว้โดยให้เปิดที่ไฟล์ Index แล้วเลือก Project ที่ตั้งไว้
* การ Update เว็บไซต์ โดยเข้าไปที่โฟลเดอร์ที่คุณสร้างไว้ แล้วดับเบิ้ลคลิกชื่อ Project ที่คุณตั้งไว้สังเกตุว่าจะเป็นรูปแผ่นดิสก์ครับ
อย่างไรอย่าดูดเว็บบีคอมหมดละครับ เข้ามาเยี่ยมเยือนกันบ้าง ....

NAS คืออะไรและมีประโยชน์อย่างไร?

NAS ประกอบด้วยอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบเฉพาะเจาะจงที่ใช้เชื่อมต่อเข้ากับระบบ เครือข่าย IP รูปแบบการเชื่อมต่อลักษณะนี้ จะสนับสนุนให้เครื่องคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่ เชื่อมต่อเข้ากับระบบเครือข่าย IP สามารถ Access หรือเข้าถึงเพื่อใช้งาน NAS ในระดับของแฟ้มข้อมูล

ระบบ NAS เป็นระบบที่ให้บริการแก่คอมพิวเตอร์ต่าง ๆ ในระดับของแฟ้มข้อมูล โดยเฉพาะโปรโตคอลที่จัดการเรื่องการแชร์แฟ้มข้อมูลอย่างเช่น NFS และ CIFS ซึ่งส่วนใหญ่องค์กรที่ติดตั้งอุปกรณ์ NAS นี้ก็เพื่อรองรับการจัดเก็บข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้น หรือเพื่อบริหารไฟล์ข้อมูลเป็นหลัก แต่ในปัจจุบันสามารถรองรับการทำงานของแอพพลิเคชันและฐานข้อมูลด้วย NAS ที่ประยุกต์การใช้งานแบบวินโดวส์ ซึ่งเราสามารถจัดการกับอุปกรณ์ประเภทนี้แบบเดียวกับวินโดวส์เซิร์ฟเวอร์ทั่ว ๆ ไป ซอฟท์แวร์สำรองข้อมูลสามารถติดตั้งลงไปในอุปกรณ์ NAS ได้โดยตรง การที่เทปไดรฟ์เชื่อมต่อโดยตรงกับอุปกรณ์ NAS ช่วยให้เราสามารถทำการสำรองข้อมูลแบบโลคอลได้ ดังนั้นระบบจึงไม่จำเป็นต้องโอนถ่ายข้อมูลสำรองผ่านเครือข่าย TCP/IP อีกต่อไป ผลที่ตามมาก็คือประสิทธิภาพในการสำรองข้อมูลที่เพิ่มสูงขึ้น

Flash BIOS แล้วเครื่องเจ๊ง ต้องเปลี่ยนเมนบอร์ดเท่านั้นจริงหรือ

มีหลายคนที่มักเข้าใจผิด ๆ ว่า ถ้า Flash BIOS พลาดแล้วทำให้เครื่องเจ๊ง ต้องซื้อเมนบอร์ดมาเปลี่ยนใหม่เท่านั้น จริง ๆ แล้วยังพอมีทางเยียวยาให้หายได้เหมือนเดิม คือต้องถอดชิป CMOS ไปโปรแกรมใหม่ ซึ่งสามารถใช้บริการ ได้ตามร้านซ่อมคอม ฯ ทั่วไป เสร็จแล้วก็นำชิป CMOS มาติดตั้งลงบน Socket ตามเดิม โดยขั้นตอนแรกอย่าลิมเข้าไป Load Default ใน BIOS เสียก่อน จากนั้นก็สามารถใช้งานเครื่องได้ตามปกติ ถ้าคุณไม่สามารถทำเองได้ก็ยกไปใช้ช่างทำเองทั้งหมดก็ได้ ค่าใช้จ่ายประมาณ 300-500 บาท

ทิปประหยัดแบตฯมือถือ

ข้อเท็จจริงที่ควรทราบก็คือ ลูกเล่นไฮเทคฯต่างๆ มักจะสวาปามพลังงานจากแบตฯ มากกว่าฟังก์ชันโทรศัพท์เสียอีก ดังนั้นการยื้อแบตฯไม่ให้หมดเร็ว (ในกรณีไม่มีแบตฯสำรอง หรือไม่มีที่ชาร์จ) วิธีง่ายๆ ก็คือ ปิดฟังก์ชันที่ไม่ใช้ให้คงเหลือไว้แค่โทรออกรับสายนั่นเอง อย่างเช่น ควรปิดฟังก์ชันไร้สายอย่าง Wi-Fi Internet และ Bluetooth ในกรณีที่ไม่ได้ใช้ เพราะพวกนี้กินไฟเก่งมาก พวก GPS ก็เช่นเดียวกัน แค่ปิดฟังก์ชันพวกนี้ ก็มีพลังงานในแบตฯ เหลือเพื่อใช้สแตนด์บาย หรือโทรออกได้นานขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแล้ว


แต่ถ้าอยากให้ได้นานกว่านั้นขึ้นไปอีก แนะนำให้ลดความสว่างของหน้าจอลง และยกเลิกฟังก์ชันการสั่นเมื่อมีสายเรียกเข้า หรือ SMS โดยเฉพาะช่วงแบตฯ จวนเจียนไกล้หมด การปิดฟังก์ชันพวกนี้จะช่วยต่ออายุแบตฯ ให้เหลือไปจนถึงที่คุณสามารถใช้ชาร์จเจอร์ได้ และในกรณีที่ใช้มือถือถ่ายรูป ถ้าเป็นรุ่นที่มีแฟลชในตัว หากเป็นการถ่ายนอกสถานที่ แฟลชก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ก็ปิดซะ และถ้าคุณกำลังจะพักผ่อนนอนหลับ โดยไม่อยากให้ใครมากวน จังหวะนี้ก็ปิดมือถือไปเลยดีกว่า ตื่นมาแล้วค่อยเปิด หวังว่า คำแนะนำในการประหยัดพลังงานแบตเตอรี่มือถือคงจะเป็นประโยชน์กับน้องนะครับ

ความร้อนกับคอมพ์พัง

เวลาที่พูดถึงความร้อนแค่อ่านก็รู้สึกร้อนวูบวาบ จำได้ว่าสมัยลุงตาบูยังเด็กๆ เมืองไทยยังมี 3 ฤดู คือ ฤดูหนาว ฤดูร้อน และฤดูฝน แต่เดี๋ยวนี้เมืองไทยมีแต่ร้อน กับโคตรร้อน หลานๆ ลองนึกดูว่านี่ยังไม่เข้าเดือนเมษายนที่จะต้องเป็นเดือนที่ร้อนที่สุด อากาศยังร้อนตับแตกขนาดนี้
บ่นเรื่องอากาศร้อนซึ่งเป็นที่มาของคอลัมน์ไอทีต้องระวังฉบับนี้ที่ลุงจะขอ พูดถึงเรื่อง ความร้อนกับคอมพ์พัง เป็นที่ทราบกันดีมานานแล้วว่า ความร้อนส่งผลต่ออายุการใช้งานของอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า (รวมถึงสุขภาพกายและสุขภาพใจของลุงด้วย) แต่เพราะคอมพิวเตอร์ไม่ใช่คนก็เลยบ่นให้เราฟังว่าร้อนไม่ได้ แต่ก็ใช่ว่าหลานๆ จะไม่สามารถทราบได้ว่าตอนนี้น่ะคอมพ์มันร้อนเกินไปแล้ว

อาการที่บอกให้รู้ว่าตอนนี้คอมพ์นั้นร้อนเกินไปแล้ว ได้แก่การที่อยู่ๆ เครื่องก็แฮงก์แบบนิ่งสนิททำอะไรก็ไม่ขยับ บางครั้งก็อาจได้ยินเสียงพัดลมดังผิดปกติ คอมพิวเตอร์ส่วนมากจะมีพัดลมสอง ตัว - ตัวหนึ่งสำหรับระบายความร้อนให้เพาเวอร์ซัพพลายและอีกตัวหนึ่งสำหรับระบาย ความร้อนให้กับโพรเซสเซอร์ พัดลมเหล่านี้จะเป็นส่วนประกอบแรกๆ ของคอมพิวเตอร์ที่จะทำงานผิดพลาดเมื่อเครื่องร้อน ยิ่งถ้าพัดลมตัวใดตัวหนึ่งเสียก็อาจทำให้เกิดอาการจอฟ้า (มหาภัย) อย่างที่คอมพิวเตอร์.ทูเดย์เคยนำเสนอไปแล้ว

คอมพิวเตอร์นั้นไวต่อ อุณหภูมิห้องมากกว่าหลานๆ เสียอีก หากอุณหภูมิภายในอยู่ที่ 85 องศา (ฟาเรนไฮต์) อุณหภูมิภายในเคสฮาร์ดไดรฟ์ของคอมพิวเตอร์ก็น่าจะอยู่ที่ราวๆ 110 องศา ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้เก็บเครื่องไว้ในอุณหภูมิห้องที่สูงที่สุดประมาณ 75 ถึง 85 องศาเพื่อหลีกเลี่ยงการทำงานล้มเหลวที่จะเกิดขึ้นกับอุปกรณ์ (และเป็นไปได้ที่จะเกิดความเสียหายอย่างถาวร)

หากคอมพิวเตอร์ของหลานๆ ร้อนเกินไป และคอมพิวเตอร์ก็เพิ่งซื้อมาได้ไม่นานนัก (แต่ถ้าซื้อมานานก็คงเป็นธรรมดาของโลกที่ต้องเสื่อมไปตามกาลเวลา) ลุงตาบูก็มีเคล็ดลับเง่ายๆ ในการช่วยแก้ปัญหา ดังนี้คือ จัดวางตำแหน่งของคอมพ์ตัวเก่งในที่ระบายอากาศที่ดีขึ้น ซึ่งก็ไม่จำเป็นว่าต้องเปิดแอร์ให้เย็นเวอร์แล้วทนนั่งใส่เสื้อหนาว แต่ให้เน้นวางในจุดที่มีการระบายอากาศที่ดี

จำกันง่ายๆ เลยก็คือควรจัดวางคอมพิวเตอร์ให้ห่างจากกำแพงสัก 2-3 นิ้ว อย่าวางคอมพิวเตอร์ไว้กับพื้นโดยตรง แต่ก็ไม่ควรวางลงไปบนพื้นหรือบนพรมโดยตรงแนะนำให้ ซื้อแท่นวางคอมพิวเตอร์ที่ยกเครื่องขึ้นเหนือพื้นสัก 2-3นิ้ว เพื่อลดการสะสมของฝุ่น ตรวจดูให้แน่ใจว่าแท่นวางนั้นไม่ได้ขวางพัดลมระบายอากาศ

ในส่วนภายใน เครื่องหากเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะก็ควรจัดสายที่ระโยงระยางภายในให้เรียบ ร้อย เพื่อให้การระบายอากาศภายในดีขึ้น หลังจากที่จัดการกับเรื่องทางกายภาพไปแล้ว หลานๆ ก็ยังสามารถอัพเดตไบออส ว่ากันว่าการใช้ไบออสที่อัพเดตขึ้นจะช่วยให้การทำงานของซีพียูทำได้ดีขึ้น อีกด้วย แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นก็ควรให้คนที่เชี่ยวๆ เขาทำให้เราจะดีกว่า ง่ายๆ เพียงเท่านี้หลานๆ ก็จะสามารถยืดอายุการใช้งานให้กับคอมพิวเตอร์ให้อยู่กนชั่วลูกชั่วหลานกัน เลยก็ว่าได้

แนะนำแอร์การ์ด

แอร์การ์ด( Air Card) เป็นอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เนตผ่านทางสัญญาณมือถือ เหมาะสำหรับผู้ทีต้องเดินทางและบริเวณที่ไม่่มีสายสัญญาณอินเทอร์เนตความ เร็วสูงให้บริการ แอร์การ์ดจะถูกใช้ีงานร่วมกับซิมของโทรศัพท์มือถือ หรืออาจจะมองว่าแอร์การ์ดเองก็คือมือถึอเครื่องหนึ่งก็ได้ บางผลิตบางรายแถมชุดไมโครโฟนและหูฟังมาด้วยเพื่อให้ใชัเป็นโทรศัพท์ได้ หรือจะใช้รับส่ง SMS ก็ได้เช่นกัน


โดยปกติแล้วเมื่อเราซื้อแอร์การ์ด ทางผู้จัดจำหน่ายจะแถมซิมโทรศัพท์มาให้ด้วย ซึ่งจะสามารถใช้งานได้ทันที ต่างจากเมื่อประมาณปีหนึงก่อนหน้า ทีัเราจ้องต้องดำเนินการเปิดการใ้ช้บริการโดยโทรเข้าศูนย์บริการของผู้ใช้ บริการเครือข่ายเป็นทีุ่ยุ่งยากพอสมควร

ค่าใช้จ่ายในการใช้บริการ แอร์การ์ด เริ่มจากราคาแอร์การ์ดอยู่ที่ตัวละ 2,000 บาท ส่วนค่าใช้่จ่ายในการใช้บริการอินเทอร์เนตนั้น มีหลายแพ็คเกจ ผู้เขียนแนะนำให้ใช้แบบเติมเงิน ซึ่งจะเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 200 บาท ต่อ 60 ชม. (หรือจะเป็น 100 บาท ต่อ 30 ชม. ก็มี)

การทำตัวอักษรเส้นประ

มีคนถามถึงวิธีการทำตัวอักษรเส้นประเพื่อให้เด็กนักเรียนฝึกคัด หลังจากค้นดูใน Google ปรากฎว่าทำได้โดยใช้ฟอนต์ที่ป็นเส้นประ ​ สำหรับวิธีการโดยละเอียดมีดังนี้
1. ดาวน์โหลดฟอนต์เส้นประ มาไว้บนเครื่อง
2. ขยายแฟ้มออกมาแล้วนำฟอนต์ไปไว้ในโฟลเดอร์ c:\windows\fonts
3. พิมพ์ใบงานในเอกสารเวิร์ด โดยเลือกฟอนต์ชื่อ Dot3 ท่านจะได้ตัวอักษรเส้นประตามต้องการ



ตอนนี้ผมได้ทำในรูปแบบ Video ไว้ให้ใน Youtube เผื่ออ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจนะครับ



หรือจะคลิกเข้าไปดูที่ https://www.youtube.com/watch?v=d_i57DAtzWw

การปรับแต่ง registry เพื่อเพิ่มความเร็ว

HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Explorer\
Advanced

NoNetCrawling ปรับเป็น 1 เพื่อยกเลือกการทำงานของ NetCrawling

NetCrawling เป็นตัวที่จะค้นหา file, folder หรือเครื่องพิมพ์ในเครื่อข่ายโดยอัตโนมัติถ้าเกิว่าเราไม่ได้ใช้งาน
ระบบเครือข่ายมากนักเราก็ปิดการทำงนในส่วนนี้ไปซึ่งจะช่วยเพิ่มความเร็วได้ พอสมควร



HKEY_CURRENT_USER\Control Panel\Desktop

MenuShowDelay ปรับเป็น 0 เพื่อทำให้ค่าการหน่วงเวลาใน window เป็น 0 คือไม่มีการหน่วงเวลาใน
การเปิด Menu ต่างๆ (ยิ่งใส่น้อยก็ยิ่งเร็ว)

HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Control\Session Manager\
Memory Management

DisablePagingExecutive ปรับให้เป็น 1 เพื่อให้ wndows ไม่ทำ Paging บน file ที่สำคัญเพื่อลดการ
โยกย้ายข้อมูลเข้าออก



HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Control\Session Manager\
Memory Management\PrefetchParameters

EnablePrefetcher ปรับให้เป็น 4 เพื่อทำให้การ boot เครื่องเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว



HKEY_CURRENT_USER\Control Panel\Desktop

AutoEndTasks ปรับให้เป็น 1 ปิดการทำงานของโปรแกรมต่างๆโดยอัตโนมัติก่อนการ Shutdown



HKEY_CURRENT_USER\Control Panel\Desktop

HungAppTimeout ปรับให้เป็น 1 เพื่อให้ปิดการทำำงานของโปรแกรมที่มีปัญหาทันทีที่ Shutdown



HKEY_CURRENT_USER\Control Panel\Desktop

WaitToKillAppTimeout ปรับให้เป็น 1 เพื่อให้ shutdown ได้โดยไม่ต้องรอปิดค่า service ต่างๆที่
เหลืออยู่

รู้จักกับ registry

รู้จักกับ registry กันก่อน

Registry คือ ฐานข้อมูลส่วนกลางของ windowซึ่งตัว registry นั้นจะเป็นที่เก็บค่าการทำงานทุกอย่างเอา
ไว้ไม่ว่าเป็นการตั้งค่าต่างๆของตัว window, การตั้งค่าของโปรแกรมต่าง, การควบคุม hardwareหรือแม้แต่
กระทั้งค่า User และ password Autocomplete นั้นก็จะถูกเข้ารหัสและเก็บเอาไว้ในส่วนนี้เช่นกัน
ดังนั้น registry จึงเป็นส่วนที่สำคัญเป็นอย่างมากและถ้าเกิดว่า registry ถูกปรับแต่งให้เสียหายแม้เพียงนิด
เดียวก็อาจจะส่งผลต่อการทำงานของ window โดยรวมทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย



การ backup registry และการกู้คืน registry

ก่อนที่เราจะเริ่มการปรับแต่งส่วนต่างๆของ registry นั้นอย่างแรกที่เราต้องทำก็คือการ backup registry
เอาไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัยเพราะว่า registryนั้นเป็นส่วนที่สำคัญการใส่ค่าผิดเพียงเล้กน้อยก็จะสามารถ
ส่งผลกระทบต่อการทำงานได้เพราะฉะนั้นเรามาเรียนรู้การ backup และ การกู้คืนกัน

***หมายเหตุ การที่เราใช้ system restore ก็ถือเป็นหนึ่งในวิธีการที่ backup และ restore ได้เช่นกัน

การ Backup Registry

1. เข้าไปที่ Start > Run

start > run



2. พิมพ์คำสั่งคำว่า regedit

regedit



3. เมื่อปรากฏหน้าจอ registry Editor ขึ้นมาแล้วให้เข้าไปที่ File > Export

Export registry



4. ตั้งชื่อ file ตามต้องการแล้วกด save

name



การ กู้คืน Registry

ถ้าเกิดว่าการปรับแต่งของเราเกิดการผิดพลาดขึ้นมาเราก็สามารถกู้ คืนได้ง่ายๆโดยเราต้องเข้าไปที่ file ที่เรา
save เอาไว้แล้ว Double click ขึ้นมาแล้วมันจะปรากฏหน้าจอขึ้นมาถามเราว่าต้องการปรับ registry จริงไหม
ให้เราตอบ yesไป

การใช้ปุ่ม Print Screen

ปุ่ม Print Screen หรือ ปุ่ม Prt Sc SysRq นั้น มีหน้าที่เหมือนกล้องถ่ายภาพ โดยจะมีหน้าที่เก็บข้อมูลต่างๆ บนหน้าจอเพื่อไปใช้ประโยชน์เช่น ถ่ายไปประกอบการเรียนการสอนต่างๆหรือไว้อธิบายขั้นตอนการทำงานต่างๆ และอื่นๆอีกมากมาย แล้วแต่จะนำไปใช้ซึ่งมีวิธีใช้งานดังนี้ครับ

1. เลือกหน้าจอที่ต้องการจะเก็บข้อมูล

2. กดปุ่ม Prt Sc SysRq บน KEYBOARD

3. จากนั้นก็เลือกโปรแกรมเกี่ยวกับรูปภาพ เช่น PHOTOSHOP หรือ PAINT เป็นต้น (ในที่นี้ขอใช้ PAINT)

4. กด CTRL + V หรือ กด EDIT ---> PASTE เพื่อวางภาพที่จับมาครับ



5. แล้วก็ตกแต่งภาพตามใจชอบครับ เช่นจะตัดตรงโน้น ตรงนี้ก็แล้วแต่ครับ

6. อย่าลืม Save นะครับ

windows 7: ลูกเล่น(ไร้สาระ)ที่ซ่อนอยู่?

บ่อยครั้งที่พบว่า ลูกเล่นที่ลึกลับหรือถูกซ่อนไว้ในซอฟต์แวร์ที่เรียก Easter Egg มักจะตามติดจากเวอร์ชันเก่ามาจนถึงเวอร์ชันใหม่ แม้แต่ในระบบปฎิบัติการ Windows 7 ลูกเล่นบางอย่างที่เล่นได้บน Windows Vista ก็ยังใช้ได้บน Windows 7 ด้วย อย่างทริก"ไร้สาระ"อันนี้เป็นต้น
เรื่อง ของเรื่องก็คือ ปกติเวลาเรียกใช้ฟังก์ชัน Task Switcher (หรือ Flip ใน Windows Vista) เพื่อสลับสับเปลี่ยนไปใช้แอพฯตัวอื่นๆ ที่เปิดไว้แล้ว ผู้ใช้เพียงแค่กดปุม Alt+tab บน Windows 7 หรือ Vista ก็จะมีหน้าต่างป๊อปอัพขึ้นมาพร้อมทั้งแสดงรายการของหน้าต่างโปรแกรม ด้วยขนาด thumbnail จัดแถว รอให้คุณเลือกบนพื้นใส Aero ซึ่งจะแตกต่างจากที่เคยเห็นใน Windows XP ที่เป็นแค่ไอคอนโปรแกรมเท่านั้น


หากคุณคิดถึงอินเตอร์เฟซของฟังก์ชันสลับโปรแกรมที่ไม่ค่อยไฮโซเท่าไรของ XP ก็สามารถเรียกรูปแบบเดิมขึ้นมาใช้ใน Windows 7 (หรือ Vista) ได้เหมือนกัน โดยขั้นแรกกดปุ่ม Alt+tab ด้วยมือซ้าย จากนั้นใช้มือขวากดปุ่ม Alt ทางฝั่งขวาของคีย์บอร์ด แล้วปล่อย (มือซ้ายยังกดปุ่ม Alt ค้างอยู่นะครับ) จากนั้นกด Alt+tab ด้วยมือซ้าย จะเห็นว่า Switcher ได้เปลี่ยนอินเตอร์เฟซกลับไปเป็นแบบ XP ในอดีตแล้ว โอ้ว...ได้กลิ่นอายของ XP ดีจัง :p (ภาพตัวอย่าง Task Switcher บน Windows 7 ที่แสดงไอคอนเรียบง่ายแบบ XP)

ไอคอน Show Desktop หาย

ไม่ต้องกังวลไปครับ ไอคอน Show Desktop สามารถสร้างขึ้นใหม่ได้ โดยใช้แค่เครื่องมือง่ายๆ อย่าง Notepad แต่เนื่องจากคุณไม่ได้แจ้งว่า Windows ที่ใช้อยู่เป็นเวอร์ชันอะไร ดังนั้นวิธีแก้ไขในที่นี้จะสามารถใช้ได้กับวินโดวส์ทุกเวอร์ชันตั้งแต่ 98 ถึง Vista สำหรับขั้นตอนการสร้าง Show Desktop ขึ้นมาใหม่มีดังนี้

1. เปิดโปรแกรมโน้ตแพด (Notepad) แล้วก็อปปี้ข้อความต่อไปนี้เข้าไป

กรณี ที่ใช้ 98 และ Windows XP ให้ก็อปปี้บรรดทัดข้างล่างนี้เข้าไปใส่ในโน้ตแพด

[Shell]
Command=2
IconFile=explorer.exe,3
[Taskbar]
Command=ToggleDesktop

แต่ ถ้าคุณใช้ Vista ให้ก็อปปี้ข้อความข้างล่างนี้แทน

[Shell]
Command=2
IconFile=shell32.dll,34
[Taskbar]
Command=ToggleDesktop
2. จัดเก็บไฟล์ไว้บนเดสก์ทอป โดยตั้งชื่อว่า Show Desktop.scf ขั้นตอนการจัดเก็บไฟล์ข้อความในโน้ตแพดให้มีนามสกุลแบบนี้ ให้คลิกเมนู File เลือก Save As... เลือก Save as type เป็น All Files (*.*) แล้วคลิกปุ่ม Save แล้วปิดโน้ตแพด (ย้ำว่า ชื่อไฟล์และนามสกุลจะต้องเขียนตามนี้เป๊ะคือ Show Desktop.scf)

3. และก็ถือขั้นตอนสุดท้ายนั่นคือ ลากไอคอนไฟล์ Show Desktop ลงไปใส่ใน Quicklaunch เพียงแค่นี้คุณก็ได้ไอคอนสำหรับคลิก เพื่อแสดงเดสก์ทอปกลับคืนมาแล้ว...หวังว่าคงไม่ยากเกินไปนะครับ

ไวรัส PC Antispyware 2010

ผมเพิ่งติดตั้งโปรแกรม PC Anti-Spyware 2010 เข้าไปในคอมพิวเตอร์ แต่เพื่อนบอกว่า มันไมใช่โปรแกรมป้องกันสปายแวร์ แต่ตัวมันนั่นแหละที่เป็น"สปายแวร์" เรื่องนี้จริงเท็จอย่างไรครับ? และถ้าเป็นจริงผมจะจัดการกับมันอย่างไรดีครับ?
ก่อนอื่นต้องบอกว่า เรื่องที่เพื่อนคุณว่ามานั้นเป็นเรื่องจริงครับ และเจ้าไวรัสตัวนี้ก็กำลัง หลอกให้ผู้ใช้ทั่วโลกติดตั้งมันเข้าไปในเครื่อง ดังนั้น แทนที่มันจะปกป้องคอมพิวเตอร์ของคุณ ตรงกันข้าม มันกลับพยายามขโมยข้อมูลส่วนตัวของคุณส่งออกไปให้แฮคเกอร์ ซึ่งรวมถึงหมายเลขบัตรเครดิต ตลอดจนบัญชีธนาคารของคุณ และนี่คือเหตุผลสำคัญที่ผู้ใช้ควรตรวจสอบว่าได้เผลอติดตั้งไวรัสตัวนี้เข้า ไป หรือไม่? ซึ่งถ้าหากพบก็ลบออกได้ทันที


ที่แย่กว่าการที่ทราบว่า ติดไวรัสตัวนี้เข้าไปแล้วก็คือ เราไม่สามารถ กำจัด PC Anti-Spyware 2010 ออกไปได้โดยง่าย เพราะมันก็เหมือนกับไวรัสตัวอื่นๆ ที่่สามารถซ่อนตัวเอง และทำงานในแบคกราวด์โดยที่คุณไม่รู้ตัว เอาเป็นว่า ถึงตอนนี้ คอมพิวเตอร์ของคุณได้ติดมันเข้าไปเรียบร้อยแล้ว แนะนำให้ปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้ เพื่อกำจัดมันออกไปจากเครื่องเป็นการด่วนจะดีกว่านะครับ

1. ขั้นแรกต้องหยุดไม่ให้ทำงานในหน่วยความจำ ด้วยการกำจัด (kill) โพรเซสที่เกี่ยวข้องกับไวรัสตัวนี้ ด้วยการเปิด Task Manager (กดปุ่ม Ctrl+Alt+Del หรือคลิกขวาบนทาสก์บาร์ (taskbar) เลือก Task Manager) คลิกแท็บ Processes สังเกตว่า มีรายการต่อไปนี้ปรากฎอยู่ หรือไม่?

* PC_Antispyware2010.exe
* Uninstall.exe
* jugifyryve.exe

หาก คุณพบว่า โพรเซสเหล่านี้กำลังทำงานอยู่ ให้คลิกเลือกทีละรายการแล้วคลิกปุ่ม End Process อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนนี้ยังไม่ได้เป็นการกำจัด หรือถอดถอนไวรัสตัวนี้ออกไปนะครับ เพียงแต่หยุดไม่ให้ทำงานชั่วคราวก่อนเท่านั้น เมื่อคุณรีสตาร์ทเครื่อง ไวรัสก็จะกลับมาทำงานอีกอยู่ดี

2. ขั้นตอนนี้จะเป็นการกำจัด PC Anti-Spyware 2010 ออกไปจากเครื่องคอมพิวเตอร์โดยสมบูรณ์ โดยคุณจะต้องเข้าไปลบมันออกจากรีจิสทรีที่เกี่ยวข้องกับไวรัส วิธีที่ตรวจสอบก็ง่ายมาก เริ่มต้นด้วยการสั่งรันโปรแกรม REGEDIT (กดปุ่ม Windows+R พิมพ์คำสั่ง regedit แล้วกดปุ่ม Enter) จากนั้นคลิกเข้าไปลบรายการข้างล่างนี้

HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Uninstall\PC_Antispyware2010

HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Run\ "PC Antispyware 2010"

HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\PC_Antispyware2010

HKEY_CURRENT_USER\Control Panel\don’t load\ "scui.cpl"

HKEY_CURRENT_USER\Control Panel\don’t load\ "wscui.cpl"

3. ขั้นตอนสุดท้ายคุณจะต้องลบไฟล์ทั้งหมด และไดเร็กทอรี่ที่เกี่ยวข้องกับ PC Anti-Spyware 2010 โดยเปิดหน้าต่าง Windows Explorer (กดปุ่ม Windows + E) แล้วคลิกเข้าไปลบไดเร็กทอรี่ต่อไปนี้

C:\Program Files\PC_Antispyware2010

C:\Program Files\PC_Antispyware2010data

อย่าง ไรก็ตาม มันอาจจะยังมีไฟล์ไวรัสตกค้างในโฟลเดอร์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องซ่อนอยู่ในระบบอีก แนะนำให้ตรวจสอบด้วยการพิมพ์ในช่องเสิร์ชว่า "PC_Antispyware2010" โดยเลือกให้ค้นในไดเร็กทอรี่ของระบบ (System directory) และโฟลเดอร์ที่ซ่อนไว้ (History folder) เพื่อลบมันออกไปให้สิ้นซาก

(*สังเกตว่า ไม่ว่าจะกดเพื่อแอคชั่นอะไรก็ตาม มันจะปีอปอัพหน้าต่างชวนให้คุณลงทะเบียนอยู่ตลอดเวลาจนน่ารำคาญ นิสัยแย่มากๆ)

กำจัดไวรัส Autorun

สำหรับผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ทุกท่าน
ถ้าคุณเป็นผู้ หนึ่งที่ใช้งานคอมพิวเตอร์และใช้ Flash Drive หรือ USB hard disk ในการโอนถ่ายข้อมูลระหว่างเครื่อง คุณทราบหรือไม่ว่าคุณกำลังเสี่ยงกับการติดไวรัสอย่างมาก โดยเฉพาะไวรัส AutoRun ซึ่งเป็นไวรัสที่ผมได้พบบ่อยมากๆ

Virus Autorun บน Flash Drive
อา การที่สังเกตุง่ายๆ เมื่อติดไวรัส AutoRun แล้ว นั่นคือ เราจะไม่สามารถเปิดไฟล์งานได้โดยตรง จะขึ้นคำว่า "Open with" และถ้าเราเข้าไปดูรายชื่อไฟล์ใน Flash Drive จะพบไฟล์ที่ชื่อว่า "Autorun.ini" ถ้าเครื่องคอมฯ ของคุณติดไวรัสนี้แล้ว แค่เพียงนำ Flash Drive ของคนอื่น มาเสียบก็จะทำให้ติดไวรัส AutoRun ได้ทันที



วิธีกำจัดไวรัส AutoRun

เพียง แค่ download และติดตั้งโปรแกรม CPE17 Autorun Killer ซึ่เป็นฟรีโปรแกรมที่สามารถหา download มาติดตั้งใน "Startup" และสั่งให้รันทุกครั้งที่เปิด Windows โปรแกรมจะตรวจสอบการเสียบ Flash Drive อัตโนมัติ และจะทำการลบไฟล์ Autorun รวมทั้งไฟล์ที่มีนามสกุล .EXE ใน root ของ Flash Drive

:: Download โปรแกรม CPE17 Autorun Killer ขนาดไฟล์ประมาณ 52 KB

ทิปเพิ่มเติม

•ห้ามทำการ copy โปรแกรมเก็บไว้ใน root directory ของ Flash Drive เพราะจะถูกลบอัตโนมัติ
•ก่อนการใช้งาน Flash Drive ทุกครั้ง ควรทำการรัน scan virus ก่อนทุกครั้ง

เร่งสปีด-รีดไขมัน" IE8 กันดีกว่า

ส่วนตัวแล้วจะใช้บราวเซอร์ทั้ง IE และ Firefox ควบคู่กันไป เนื่องจากต่างก็มีจุดแข่ง และจุดอ่อนของการทำงานกันทั้งคู่ โดยคุณสมบัติหลักๆ ทีผู้ใช้ต้องการจากบราวเซอร์ก็คือ ความเร็ว สเถียรภาพของการทำงาน และความปลอดภัย ซึ่งประเด็นใหญ่มักจะได้รับคำถามจากคุณผู้อ่านอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะผู้ใช้ IE ที่ไม่ต้องการเปลี่ยนไปใช้บราวเซอร์ตัวอื่นนั่นก็คือ วิธีปรับแต่งการทำงานให้เร็วขึ้น วันนี้ก็เลยถือโอกาสนำวิธีเรื่องสปีด IE8 มาฝากกันครับ

ผู้ใช้ส่วนใหญ่รู้สึกว่า IE8 ยังโหลดหน้าเว็บได้ไม่เร็วไหลลื่นเป็นที่พอใจเท่าที่ควร ซึ่งความจริงแล้ว มันมีปัจจัยอยู่หลายประการทีเดียวที่ทำให้เป็นเช่นนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหน่วยความจำระบบที่เหลืออยู่ (โหลดโปรแกรมอื่่นๆ ค้างไว้มากมาย หรือเปิดหลายแท็บ แถมบางแท็บก็กำลังโหลด Video จาก YouTube อยู่ด้วย) พื้นทีว่างบนฮาร์ดดิสก์ หรือจำนวนของโพรเซส (processes) ที่ทำงานในแบคกราวด์ เป็นต้น ซึ่งหากต้องการทำให้ประสิทธิภาพของ IE8 ดีขึ้น นอกจากจะการเตรียมความพร้อมในเรื่องของระบบ และการใช้งานข้างต้นแล้ว เรายังต้องรีดไขมันส่วนเกิน (คุณสมบัติการทำงานที่คุณไม่ได้ใช้) ของ IE8 ออกไปด้วย เพื่อให้คุณได้ท่องเว็บด้วยบราวเซอร์ตัวโปรดได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ในขณะที่ยังคงปลอดภัยอยู่ด้วย ซึ่งมีคำแนะนำดังต่อไปนี้ 1. ตรวจสอบจำนวน Toolbars ทีคุณติดตั้งไว้ใน IE ถ้าจะให้ดีไม่ควรมีมากกว่า 1 ตัว ลดจำนวนปุ่มใช้งานต่างๆ บนทูลบาร์ให้เหลือน้อยทีสุด เอาเฉพาะที่จำเป็นสำหรบคุณเท่านั้น โดยคุณสามารถลดจำนวนปุ่มได้ด้วยการคลิกขวาบนทูลบาร์เลือกคำสั่ง Customize เลือกคำสั่ง Add or Remove Commands...



2. ยกเลิก (Disable) หรือถอดถอน (Remove) โปรแกรมเสริม (Add-ons) accelerations (หากคุณผู้อ่านไม่ได้ใช้คุณสมบัตินี้) และ Search Providers โดยคุณสามารถเข้าไปจัดการเรื่องนี้ได้ด้วยการเลือกเมนู Tools คลิก Manage Add-Ons



3. ปิดฟังก์ชัน Suggested Sites ใน Favorites Bar



4. ยกเลิกการปรับแต่งการทำงานอัตโนมัติ (Disable Automatic Configuration) พีซีบางเครื่องจะมีการตั้งค่าบางอย่างที่ทำให้การเปิดบราวเซอร์ช้าลง ในการยกเลิกออปชันเหล่านี้ให้คลิกเมนู Tools เลือกคำสั่ง Internet Options คลิกแท็บ Connections คลิกปุ่ม LAN Settings ยกเลิกเช็คบ๊อกซ์ทั้งหมดในกรอบ "Automatic Configuration"



5. ตั้งค่าตัวเลือกมัลติมีเดีย โดยเปิด Internet Options จากเมนู Tools คลิกแท็บ Advanced เลื่อนไปยังเซ็คชั่น Multimedia จากนั้นยกเลิกเช็คบ๊อกซ์หน้ารายการ Always use Clear Type for HTML, Play animations in webpages และ Play sounds in webpages



ผู้ ใช้ IE8 ที่ต้องการความเร็วในการใช้งาน ลองนำข้อปฏิบัติข้างต้นนี้ไปใช้ดูนะครับ เชื่อว่ามันน่าจะทำให้คุณใช้ IE8 ได้อย่างแฮปปี้กว่าเดิม ส่วนคุณผู้อ่านท่านใดที่มีประสบการณ์ในการปรับแต่งความเร็ว IE8 ก็สามารถเข้ามาแชร์ไอเดียเพิ่มเติมกันได้นะครับ เพื่อจะได้เป็นประโยชน์กับผู้ใช้ท่านอื่นๆ มากขึ้นด้วย นายเกาเหลาขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกไอเดียที่สร้างสรรค์ครับ

หลักการแก้ไขปัญหาคอมพิวเตอร์

1.พยายามหาสาเหตุว่าเป็นเพราะส่วนประกอบใดของคอมพิวเตอร์โดยสังเกตุอาการที่ เกิดขึ้นทุกครั้งที่คอมพิวเตอร์เกิดอาการผิดปกติหรือทำงานผิดพลาด คอมพิวเตอร์ จะแสดงข้อความที่จะบอกเราถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น Drive A is not Access, Can not Fine this file,invalid Drive ข้อความเหล่านี้จะบอกถึงสถานะที่เกิดขึ้นขณะนั้น

2.เมื่อมีสมมุติฐานในเบื้องต้นแล้ว สิ่งสำคัญที่จะต้องทำต่อมาก็คือ เราต้องพยายามพิสูจน์สมมุติฐานของเรา หรือพูดง่ายๆก็คือ ลองแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นดูก่อนโดยสังเกตูจากข้อความที่แจ้งหรืออาการที่เกิด ขึ้นนั้น โดยในการลองผิดลองถูกนั้นเราจะต้องพยายามจด จำไว้เสมอว่าเราได้ทำอะไรไปบ้าง
3.เมื่อเรารู้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าอาการเสียดังกล่าวเกิดขึ้นจากสาเหตุอะไร เราจะต้องพยายามศึกษษการทำงานเบื้องต้นของอุปกรณ์เหล่านั้นเสียก่อน เช่น ถ้าเกิดขึ้นจากฮาร์ดดิสก์ เราก็ควรจะรู้จักกับฮาร์ดดิสก์บ้างเล็กน้อย เป็นต้นว่า อะไรคือ Partition ทำไมต้องทำการแบ่งพาร์ติชัน มีความสำคัญอย่างไร

4.ลงมือจัดการกับอาการเสียเหล่านั้นได้เลย โดยจะต้องพยายามจดจำสิ่งที่เราทำลงไปได้เสมอว่าทำอะไรลงไปบ้าง สำหรับการซ่อมอาการเสียในเบื้องต้น ที่พบบ่อยๆ อาจแก้ไขเองได้ แต่ในอาการที่หนัก อาจส่งให้กับช่างผู้เชี่ยวชาญ

5.หลังจากที่เราซ่อมในส่วนที่เราคิดว่าเสียหายจนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายที่เราจำเป็นที่จะต้องทำ นั่นก็คือ การตรวจสอบการทำงานหลังการซ่อมเสร็จอแล้วนั่นเอง ถ้าหากว่าเราซ่อมได้ผล อาการเสียที่ว่าคงจะดีขึ้น

เทคนิคง่ายๆ ยืดอายุแบต คุณก็ทำได้


ถ้ามองกันจริงๆแล้ว โน้ตบุ๊กนั้นถูกสร้างมาเพื่อช่วยให้พวกเราสะดวกสบายมากขึ้น ในเรื่องของการพกพาที่เอาติดตัวไปได้ทุกที่ ซึ่งเป็นจุดเด่นของโน้ตบุ๊ก และเป็นความแตกต่าง ที่ชัดเจนที่สุด ระหว่างโน้ต บุ๊ก และพี ซีตั้งโต๊ะ (Desktop pc) ด้วยความสามารถในเรื่องของการ ทำงานนอกสถานที่ โดยไม่จำเป็นต้องเสียบปลั๊ก ทำให้โน้ตบุ๊กต้องมีแหล่งพลังงานในตัวเอง ซึ่งมีการพัฒนาไปค่อนข้างมาก ทั้งแบตเตอรี่ แบบพิเศษ รวมถึงใช้พวกของเหลว แต่ทว่าเป็นเีพียงการทำต้นแบบออกมาเท่านั้น ในปัจจุบันโน้ตบุ๊กส่วนใหญ่ ยังคงใช้แบตเตอรี่แบบลิเทียม ไอออนเท่านั้น ซึ่งก็มีข้อจำกัดในเรื่องของระยะเวลาการใช้งาน ต่อการชาร์จแบตเตอรี่ 1 ครั้ง รวมถึงอายุ ของตัวแบตเตอรี่เอง ที่มีการเสื่อมลงเรื่อยๆ ทุกวัน โดยเฉลี่ยแล้วการชาร์จแบ ตเตอรี่จนเต็ม 1 ครั้ง จะสามารถใช้งานได้นานราวๆ 2 - 3 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับขนาดแบตเตอรี่ และจำนวนเซลล์ด้วย



ดูระยะเวลาแล้ว ผมคิดว่าไม่น่าจะเพียงพอสำหรับใครหลายๆ คนที่จำเป็น ต้องใช้โน้ตบุ๊กนานๆ นอกสถานที่ซะด้วยสิ... ก่อนจะไปถึง เรื่องเทคนิคต่างๆ ตอนนี้มา ทำความรู้จักกันก่อนว่า แบตเตอรี่โน้ตบุ้คนั้นมีกี่ประเภท

1. แบตเตอรี่ นิกเกิล แคดเมียม (Ni-Cd)
2. แบตเตอรี่ นิกเกิล เมทัล ไฮไดร์ (NiMH)
3. แบตเตอรี่ ลิเธียม ไอออน ที่เราใช้อยู่ในปัจจุบันมากที่สุด...
4. แบตเตอรี่ ลิเธียม พอลิเมอร์ เป็นแบตเตอรี่ที่กำลังมาแรง โดยจะมาแทนที่ลิเธียม ไอออน เนื่องจากสามารถให้พลังงานได้ มากกว่า มีโน้ตบุ้คบางรุ่น นำมาใช้แล้ว อย่างเช่น Lenovo Thinkpad X300


พอเรารู้ข้อมูลเกี่ยวกับแบตเตอรี่กันไปแล้ว ทีนี้ก็มาถึง Tip ดีๆ ที่จะมาช่วยในเรื่องของ การประหยัดพลังงาน แบตเตอรี่ มีประมาณ 12 เทคนิคด้วยกัน มาดูกันทีละอันไปเลย



1. ควรจะปรับความสว่างของหน้าจอไม่ให้สว่างมากเกินไป เพื่อลดการใช้พลังงาน เพราะว่า จอแอลซีดีของโน้ตบุ๊ก จะใช้ไฟแบลคไลท์ ให้ความสว่างแก่ผลึกเหลวคริสตัลที่อยู่ในจอแอลซีดี และไฟแบคไลท์นี้เอง ที่กินพลังงาน เป็นจำนวนมากในอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้

2. ปกติถ้าเราไม่ได้ใช้งานพวกระบบ การเชื่อมต่อไร้สายต่างๆ เช่น Bluetooth , Wi-Fi ควรจะปิด (Disable) เอาไว้ เพราะอุปกรณ์พวกนี้ กินไฟใช่ย่อยเลย โดยเฉพาะ Wi-Fi นั้นกินมากเป็นพิเศษ

3. ถ้าไม่ได้อยู่หน้าเครื่องเป็นระยะเวลานาน แนะนำให้เข้าสู่โหมด standby หรือ hibernate ไว้ เพราะอุปกรณ์หลักๆ ของเครื่องจะหยุดทำงานทั้งหมด ประหยัดแบ ตไปได้อีกเยอะ หรือถ้าขี้เกียจมานั่งเข้าโหมด Standby ทุกครั้ง ก็ไปตั้งเวลาในส่วนของ Power Options แทนก็ได้ครับ ส่วนใครไม่อยากตั้ง ก็สามารถเข้าสู่โหมด Standby เองได้เลย

4. เปิดใช้ screen saver ้แทนการ standby หรือ hibernate แต่แนะนำว่าไม่ควรจะใช้เป็นพวกรูปภาพต่างๆ ควรใช้ เป็น blank screen เพราะจะประหยัดพลังงานมากกว่า หรือไม่ใช้เลยจะดีที่สุด

5. ควร copy ไฟล์จากแผ่น cd dvd ต่างๆไว้บน HDD ไม่เปิดจากแผ่นโดยตรง และไม่ใส่แผ่นทิ้งไว้ในเครื่อง สาเหต ุเพราะว่าทุกๆ ครั้งที่ เราสั่งให้เครื่องอ่านข้อมูลจากแผ่น มอเตอร์ของไดรฟ์ CD หรือ DVD จะทำงาน ซึ่งต้องใช้กำลังไฟ

6. ควรทำการ defragment ฮาร์ดดิสก์ เพื่อจัดเรียงไฟล์อย่างมีระบบ ลดภาระการทำงานของหัวอ่านฮาร์ดดิสก์ ที่ไม่ต้องวิ่งไปมาหลายตำแหน่ง นอกจากจะช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้ ยังช่วยให้เราเปิดไฟล์ต่างๆ ได้รวดเร็วกว่าเดิมอีกด้วย

7. ปิดการทำงานของโปรแกรมบางตัวที่มันจะรันเมื่อเราเข้าสู่วินโดวส์ ถ้ายังไม่ชัดเจนก็ลองนึกถึง MSN Messenger ที่โหลดเปิดหน้าจอเองทุกครั้ง หรือไม่ก็เป็นตัว Control ปรับแต่งชิปกราฟิกของ ATI ที่มักจะโหลดเข้าสู่ หน่วยความจำทุกครั้ง รวมถึงโปรแกรมบางตัวด้วย

8. เมื่อไม่ได้ใช้อุปกรณ์เชื่อมต่อ usb ต่างๆ ควรถอดออก อย่างเช่น mouse ถ้าเป็นไปได้อาจจะใช้ touch pad แทน

9. ไม่ควรเปิดเสียงลำโพง speaker ดังมาก เพราะว่าจะทำให้เปลืองแบตเตอรี่

10. ไม่ควรเปิดใช้งานหลายๆโปรแกรมในเวลาเดียวกัน เนื่องจากทำให้ memory และ cpu ทำงานหนัก

11. ดูแลรักษาแบตเตอรี่ ครั้งแรกที่ซื้อโดยควรชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม และไม่ค่อยปล่อยให้แบตเตอรี่หมด หรือว่าเหลือ 0% แล้วค่อยชาร์จ จะทำให้แบตเสื่อม ทางที่ดีเห็นว่าเหลือน้อยแล้ว ก็รีบชาร์จจะดีกว่า

12. บางคนอาจจะเจอปัญหาว่า ทำไมใช้โน้ตบุ้คอยู่ดีๆ ก็ดับไป ทั้งๆ ที่ก่อนเครื่องจะดับ เราก็เห็นว่ายังมีแบตอยู่ มากกว่าครึ่ง ปัญหานี้เกิดจาก ประจุค้างอยู่ในแบตเตอรี่ แก้ปัญหาโดยเมื่อเราชาร์จไปทุกๆ 30 ครั้ง ควรจะใช้ให้หมด แล้วชาร์จใหม่ทีเดียว เป็นการเคลียร์ cell battery (ปัญหานี้จะเจอได้ใน แบตเตอรี่พวก ลิเธียมไอออน ที่เราใช้ อยู่ในปัจจุบัน)

รหัส Blue Screen ( จอฟ้า ) สำหรับคนซ่อมคอมบ่อยๆ


คำว่า Blue Screen คนเล่นคอม จะรู้จักดี และเป็นสิ่งที่ทุกคนกลัว ไม่อยากให้เกิดกับคอมพิวเตอร์ของ ตัวเอง เพราะถ้าเกิดนั้นเป็นสัญญาณ บอกเหตุว่า คอมพิวเตอร์ของ เราเริ่มจะมีปัญหาซะแล้ว

แต่่ที่น่าเจ็บใจคือมันบอกเป็นเลขรหัสที่เราไม่รู้ว่า มันคืออะไร และจะมีทางแก้ไขอย่างไร ที่จริงแล้วรหัสที่แจ้งของ Blue Screen มีเกินร้อยตัว แต่จะมาแนะนำเฉพาะที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ

(stop code 0X000000BE)Attempted Write To Readonly Memory
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการนี้เกิดจากการลง driver หรือ โปรแกรม หรือ service ที่ผิดพลาด เช่น ไฟล์บางไฟล์เสีย ไดร์เวอร์คนละรุ่นกัน
ทางแก้ไข ให้ uninstall โปรแกรมตัวที่ลงก่อนที่จะเกิดปัญหานี้ ถ้าเป็นไดร์เวอร์ก็ให้ทำการ roll back ไดร์เวอร์ตัวเก่ามาใช้ หรือ หาไดร์เวอร์ที่ล่าสุดมาลง (กรณีที่มีใหม่กว่า) ถ้าเป็นพวก service ต่างๆที่เราเปิดก่อนเกิดปัญหาก็ให้ทำการปิด หรือ disable ซะ

(stop code 0X000000C2) Bad Pool Caller
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
ตัวนี้จะคล้ายกับตัวข้างบน แต่เน้นที่พวก hardware คือเกิดจากอัฟเกรดเครื่องพวก Hardware ต่าง เช่น ram ,harddisk การ์ดต่างๆ ไม่ compatible กับ XP ทางแก้ไข
ก็ให้เอาอุปกรณ์ที่อัฟเกรดออก ถ้าจำเป็นต้องใช้ก็ให้ลงไดร์เวอร์ หรือ อัฟเดท firmware ของอุปกรณ์นั้นใหม่ และคำเตือนสำหรับการจะอัฟเดท ให้ปิด anti-virus ด้วยนะคะเดียวมันจะยุ่งเพราะพวกโปรแกรม anti-virus มันจะมองว่าเป็นไวรัส

(stop code 0X0000002E) Data Bus Error
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการนี้เกิดจากการส่งข้อมูลที่เรียกว่า BUS ของฮาร์ดแวร์เสียหาย ซึ่งได้แก่ ระบบแรม ,Cache L2 ของซีพียู , เมมโมรี่ของการ์ดจอ, ฮาร์ดดิสก์ทำงานหนักถึงขั้น error (ร้อนเกินไป) และเมนบอร์ดเสีย

(stop code 0X000000D1)Driver IRQL Not Less Or Equal
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการไดร์เวอร์กับ IRQ(Interrupt Request ) ไม่ตรงกัน การแก้ไขก็เหมือนกับ error ข้อที่ 1

(stop code 0X0000009F)Driver Power State Failure
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการนี้เกิดจาก ระบบการจัดการด้านพลังงานกับไดรเวอร์ หรือ service ขัดแย้งกัน เมื่อคุณให้คอมทำงานแบบ"Hibernate" แนวทางแก้ไข ถ้าวินโดว์แจ้ง error ไดร์เวอร์หรือ service ตัวไหนก็ให้ uninstall ตัวนั้น หรือจะใช้วิธี Rollback driver หรือ ปิดระบบจัดการพลังงานของวินโดว์ซะ

(stop code 0X000000CE) Driver Unloaded Without Cancelling Pending Operations
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการไดร์เวอร์ปิดตัวเองทั้งๆ ทีวินโดว์ยังไม่ได้สั่ง การแก้ไขให้ทำเหมือนข้อ 1

(stop code 0X000000F2)Hardware Interrupt Storm
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการที่เกิดจากอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ เช่น USB หรือ SCSI controller จัดตำแหน่งกับ IRQ ผิดพลาด สาเหตุจากไดร์เวอร์หรือ Firmware การแก้ไขเหมือนกับข้อ 1

(stop code 0X0000007B)Inaccessible Boot Device
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการนี้จะมักเจอตอนบูตวินโดว์จะมีข้อความบอกว่าไม่สามารถอ่านข้อมูล ของไฟล์ระบบหรื อ Boot partitions ได้ ให้ตรวจฮาร์ดดิสก์ว่าปกติหรือไม่ สายแพหรือสายไฟที่เข้าฮาร์ดดิสก์หลุดหรือไม่ ถ้าปกติดีก็ให้ตรวจไฟล์ Boot.ini อาจจะเสีย หรือไม่ก็มีการทำงานแบบ Multi OS ให้ตรวจดูว่าที่ไฟล์นี้อาจเขียน Config ของ OS ขัดแย้งกัน

อีกกรณีหนึ่ง ที่เกิด error นี้ คือเกิดขณะ upgrade วินโดว์ สาเหตุจากมีอุปกรณ์บางตัวไม่ Compatible ให้ลองเอาอุปกรณ์ ที่ไม่จำเป็นหรือคิดว่ามีปัญหาออก เมื่อทำการ upgrade วินโดว์เรียบร้อย ค่อยเอาอุปกรณ์ที่มีปัญหาใส่กลับแล้วติดตั้งด้วยไดร์ เวอร์รุ่นล่าสุด

(stop code 0X0000007A) Kernel Data Inpage Error
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการนี้เกิดมีปัญหากับระบบ virtual memory คือวินโดว์ไม่สามารถอ่านหรือเขียนข้อมูลที่ swapfile ได้ สาเหตุอาจเกิดจาก ฮาร์ดดิสก์เกิด bad sector, เครื่องติดไวรัส, ระบบ SCSI ผิดพลาด, RAM เสีย หรือ เมนบอร์ดเสีย

(stop code 0X00000077)Kernel Stack Inpage Error
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการ และสาเหตุเดียวกับข้อ 9

(stop code 0X0000001E)Kmode Exception Not Handled
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการนี้เกิดการทำงานที่ผิดพลาดของไดร์เวอร์ หรือ service กับ หน่วยความจำ และ IRQ ถ้ามีรายชื่อของไฟล์หรือ service แสดงออกมากับ error นี้ให้ทำการ uninstall โปรแกรมหรือทำการ Roll back ไดร์เวอร์ตัวนั้น

ถ้ามีการแจ้งว่า error ที่ไฟล์ win32k สาเหตุเกิดจาก การ control software ของบริษัทอื่นๆ (Third-party) ที่ไม่ใช้ของวินโดว์ ซึ่งมักจะเกิดกับพวก Networking และ Wireless เป็นส่วนใหญ่
Error นี้อาจจะเกิดสาเหตุอีกอย่าง นั้นคือการ run โปรแกรมต่างๆ แต่หน่วยความจำไม่เพียงพอ

(stop code 0X00000079)Mismatched Hal
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการนี้เกิดการทำงานผิดพลาดของ Hardware Abstraction Layer (HAL) มาทำความเข้าใจกับเจ้า HAL ก่อน HAL มีหน้าที่เป็นตัวจัดระบบติดต่อระหว่างฮาร์ดแวร์กับซอฟท์แวร์ว่าแอพพลิเคชั่น ตัวไหนวิ่งกับอุปกรณ์ตัวไหนให ้ถูกต้อง ยกตัวอย่าง คุณมีซอฟท์แวร์ที่ออกแบบไว้ใช้กับ Dual CPU มาใช้กับเมนบอร์ดที่เป็น Single CPU วินโดว์ก็จะไม่ทำงาน วิธีแก้คือ reinstall วินโดว์ใหม่
สาเหตุอีกประการการคือไฟล์ที่ชื่อ NToskrnl.exe หรือ Hal.dll หมดอายุหรือถูกแก้ไข ให้เอา Backup ไฟล์ หรือเอา original ไฟล์ที่คิดว่าไม่เสียหรือเวอร์ชั่นล่าสุดก๊อปปี้ทับไฟล์ที่เสีย

(stop code 0X0000003F)No More System PTEs
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้เกิดจากระบบ Page Table Entries (PTEs) ทำงานโดย Virtual Memory Manager (VMM) ผิดพลาด ทำให้วินโดว์ทำงานโดยไม่มี PTEs ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับวินโดว์ อาการนี้มักจะเกิดกับการที่คุณทำงานแบบ multi monitors
ถ้าคุณเกิดปัญหานี้บ่อยครั้ง คุณสามารถปรับแต่ง PTEs ได้ใหม่ ดังนี้
1. ให้เปิด Registry ขึ้นมาแก้ไข โดยไปที่ Start > Run แล้วพิมพ์คำสั่ง Regedit
2. ไปตามคีย์นี้ HKEY_LOCAL_MACHINESYSTEMCurrentControlSetControlSe ssion ManagerMemory Management
3. ให้ดูที่หน้าต่างขวามือ ดับคลิกที่ PagedPoolSize ให้ใส่ค่าเป็น 0 ที่ Value data และคลิก OK
4. ดับเบิลคลิกที่ SystemPages ถ้าคุณใช้ระบบจอแบบ Multi Monitor ให้ใส่ค่า 36000 ที่ Value data หรือใส่ค่า 40000 ถ้าเครื่องคุณมี RAM 128 MB และค่า 110000 ในกรณีที่เครื่องมี RAM เกินกว่า 128 MB แล้วคลิก OK รีสตาร์ทเครื่อง

(stop code 0X00000024) NTFS File System
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้สาเหตุเกิดจากการรายงานผิดพลาดของ Ntfs.sys คือไดร์เวอร์ของ NTFS อ่านและเขียนข้อมูลผิดพลาด สาเหตุนี้รวมถึง การทำงานผิดพลาดของ controller ของ IDE หรือ SCSI เนื่องจากการทำงานของโปรแกรมสแกนไวรัส หรือ พื้นที่ของฮาร์ดดิสก์เสีย คุณๆ สามารถทราบรายละเอียดของerror นี้ได้โดยให้เปิดดูที่ Event Viewer วิธีเปิดก็ให้ไปที่ start > run แล้วพิมพ์คำสั่ง eventvwr.msc เพื่อเปิดดู Log file ของการ error โดยให้ดูการ error ของ SCSI หรือ FASTFAT ในหมวด System หรือ Autochk ในหมวด Application

(stop code 0X00000050)Page Fault In Nonpaged Area
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้สาเหตุการจากการผิดพลาด ของการเขียนข้อมูลในแรม การแก้ไขก็ให้ทำความสะอาดขาแรม หรือลองสลับแรมดูหรือไ ม่ก็หาโปรแกรมที่ test แรมมาตรวจว่าแรมเสีย หรือไม่

(stop code 0Xc0000221)Status Image Checksum Mismatch
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้สาเหตุมาจาก swapfile เสียหายรวมถึงไดร์เวอร์ด้วย การแก้ไขก็เหมือนข้อ 15

(stop code 0X000000EA)Thread Stuck In Device Driver
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการของ error นี้คือการทำงานของเครื่องจะทำงานในแบบวนซ้ำๆ กันไม่สิ้นสุด เช่นจะรีสตาร์ทตลอด หรือแจ้งerror อะไรก็ได้ขึ้นมาไม่หยุด ปัญหานี้ สาเหตุอาจจะเกิดจาก Bug ของโปรแกรมหรือสาเหตุอื่นๆ เป็นร้อย การแก้ไขให้พยายามทำตามนี้

1.ให้ดูที่ Power supply ของคุณว่าจ่ายกำลังไฟเพียงพอกับความต้องการของคอมคุณ หรือไม่ ให้ดูว่าในเครื่องคุณมีอุปกรณ์มากไป ไม่เหมาะกับ Power supply ของคุณ ก็ให้เปลี่ยนตัวใหม่ให้กำลังมากขึ้น
2. ให้คุณดูที่การ์ดจอว่าได้ใช้ไดร์เวอร์ตัวล่าสุด ถ้าแน่ใจว่าใช้ตัวล่าสุดแล้วยังมีอาการ ก็ให้ทำการ Rollback ไดร์เวอร์ตัวก่อน ที่จะเกิดปัญหา
3. ตรวจดูการ์ดจอ และเมนบอร์ดว่าเสียหรือไม่เช่น มีรอยไหม้, ลายวงจรขาด มีชิ้นส่วนบางชิ้นหลุดจากตำแหน่งเดิม เป็นต้น
4. ดูที่ Bios ว่าส่วนของ VGA slot เลือกโหมด 4x,8x ถูกตามสเปคของการ์ดหรือไม่
5. เช็คดูที่ผู้ผลิดเมนบอร์ดว่ามีไดร์เวอร์ตัวใหม่ หรือไม่ ถ้ามีให้โหลดลงใหม่ซะ
6. ถ้าคุณมีการ์ดแลนหรือเมนบอร์ดของคุณมี on board อยู่ให้ disable ฟังก์ชั่น "PXE Resume/Remote Wake Up" โดยไปปิดที่ BIOS

(stop code 0X0000007F) unexpected Kernel Mode Trap
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้ส่วนใหญ่จะเป็นกับนัก Overclock เป็นอาการ RAM ส่งข้อมูลให้ CPU ไม่สัมพันธ์กันคือ CPU วิ่งเร็วเกินไป หรือร้อนเกินไปสาเหตุเกิดจากการ Overclock วิธีแก้ก็คือลด clock ลงมาให้เป็นปกติ หรือ หาทางระบายความร้อนจาก CPU ให้มากที่สุด

(stop code 0X000000ED)Unmountable Boot Volume
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการที่วินโดว์หาฮาร์ดดิสก์ไม่เจอ (ไม่ใช่ตัวบูตระบบ) ในกรณีที่คุณมีฮาร์ดดิสก์หลายตัว หนึงในนั้น คุณอาจใช้สายแพ ของฮาร์ดดิสก์ผิด เช่น ฮาร์ดดิสก์เป็นแบบ 33MB/secound ซึ่งต้องใช้สายแพ 40 pin แต่คุณเอาแบบ 80 pin ไปต่อแทน

วิธีการปรับแต่ง Windows XP ให้ทำงานได้เร็วขึ้น แบบไม่ต้องลงทุน

หลังจากที่ได้แนะนำ วิธีการปรับแต่ง Windows 98 กันไปแล้ว คราวนี้ก็มาถึงคิวของการปรับแต่ง Windows XP กันบ้าง ความจริงแล้ว ระบบปฏิบัติการ Windows XP นั้น มีการจัดการกับส่วนต่าง ๆ ที่ค่อนข้างจะดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็น จะต้องไปปรับแต่ง อะไรเพิ่มเติมกันอีก แต่ถ้าหาก ใครอยากจะเสริมโน่นนิด นี่หน่อย ก็ลองมาดูขั้นตอน การปรับแต่ง Windows XP กันได้เลยครับ

* ทำการลง Driver ของอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มีมาให้สำหรับ Windows XP โดยเฉพาะ
สำหรับท่านที่ใช้งาน Windows XP นั้น ความจริงหลังจากที่ลง Windows ใหม่ ๆ แล้ว อุปกรณ์บางตัว อาจจะสามารถ ทำงานได้เลย โดยไม่ต้องมานั่งลง Driver ให้ยุ่งยาก แต่เพื่อให้อุปกรณ์ต่าง ๆ นั้น สามารถทำงานได้ อย่างเต็มประสิทธิภาพ มากขึ้น ขอแนะนำให้ทำการลง Driver ของอุปกรณ์แต่ละตัวไปอีกครั้งด้วย จะช่วยลดปัญหาต่าง ๆ ในการใช้งานได้มาก

* การปรับแต่ง Performance ของระบบให้ทำงานได้เร็วขึ้น
เป็นการตั้งค่า Virtual Memory ของระบบที่เหมาะสม โดยเริ่มจากการคลิกเมาส์ขวาที่ My Computer บนหน้า Desktop เลือก Properties และเลือก Advanced ในช่อง Performance กดที่ปุ่ม Settings >> Advanced และด้านล่างเลือกกดที่ปุ่ม Change จะได้ตามภาพ


# ทำการเปลี่ยนค่าของ Virtual ให้เป็นแบบ Custom size และกำหนดไว้ที่ 512-512 ตามภาพแล้วกด OK จากนั้นเครื่องจะทำการ Restart ใหม่ครั้งหนึ่งก่อนครับ

# การปรับแต่ง Startup and Recovery ของระบบวินโดวส์
เป็นการกำหนดขั้นตอน เมื่อระบบวินโดวส์เริ่มต้นทำงาน และการกำหนดการกระทำ เมื่อมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นให้เหมาะสม โดยทำการคลิกเมาส์ขวาที่ My Computer บนหน้า Desktop เลือก Properties และเลือก Advanced ในช่อง Startup and Recovery กดที่ปุ่ม Settings จะได้ตามภาพ

# ทำการยกเลิกการเครื่องหมายถูกใต้ช่อง System failure ออกให้หมด (สำหรับเครื่องหมายถูกด้านบนใต้ช่อง system startup ให้ปล่อยไว้ตามเดิม เนื่องจากเป็นการกำหนดการเลือกบูต Windows แบบหลายระบบ หรือถ้าหากเครื่องนั้น ลงระบบ Windows ไว้แค่ตัวเดียว ไม่ได้ใช้ลูกเล่นนี้ก็เอาออกไปได้เช่นกันครับ) จากนั้นก็กด OK ครับ

# การปรับแต่งระบบรายงานข้อผิดพลาดหรือ Error Reporting
เป็นการกำหนดวิธีการรายงานข้อผิดพลาด ซึ่งไม่ค่อยได้ใช้งานอะไร ก็จัดการยกเลิกการทำงานส่วนนี้ซะเลย โดยทำการ คลิกเมาส์ขวาที่ My Computer บนหน้า Desktop เลือก Properties และเลือก Advanced ที่ด้านล่าง ให้กดที่ปุ่ม Error Reporting จะได้ตามภาพ

* ทำการเลือกที่ช่อง Disable error reporting ตามภาพแล้วกด OK ครับ

* ปิดการทำงานของ System Restore เพื่อไม่ให้เปลืองพื้นที่ของฮาร์ดดิสก์
เป็นการปิดการทำงานของระบบ System Restore หรือระบบย้อนเวลากลับของ Windows เช่น ถ้าหากเรามีการติดตั้ง ซอฟต์แวร์ลงไปในเครื่อง แล้วเกิดเปลี่ยนใจหรือว่าซอฟต์แวร์ตัวนั้น ไปสร้างปัญหาให้กับระบบ เราก็สามารถย้อยเวลากลับไป ณวันที่หรือเวลาที่เราต้องการได้ แต่เนื่องจากการที่จะสามารถ ย้อนเวลากลับไปได้นั้น Windows จะต้องใช้พื้นที่บน ฮาร์ดดิสก์ ส่วนหนึ่ง ในการเก็บข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้ไว้ด้วย ตรงนี้แหละครับที่เรียกว่า System Restore ซึ่งถ้าหาก ไม่ต้องการ ใช้งานระบบในส่วนนี้ ก็จัดการปิดการทำงานไปซะดีกว่าครับ โดยทำการ คลิกเมาส์ขวาที่ My Computer บนหน้า Desktop เลือก Properties และเลือก System Restore ตามภาพ




ติ๊กเครื่องหมายถูกที่ช่อง Turn off System Restore on all drive แล้วกด OK ครับ

* การตั้งให้ปิดระบบการทำงานของ Auto Update ไปเลยดีกว่า
เป็นการตั้งให้ระบบการอัพเดตไฟล์หรือ Patch ต่าง ๆ ผ่านทางเว็บไซต์ของ microsoft แบบอัตโนมัติไม่ทำงาน เนื่องจาก ถ้าหากมีการตั้ง Auto Update นี้ไว้ จะทำให้เมื่อเล่นอินเตอร์เน็ตแล้ว จะมีการเช็คหรือตรวจสอบอยู่บ่อย ๆ รวมถึงในบางครั้ง อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ Windows ต่อเน็ตเองด้วย ซึ่งหากเราต้องการที่จะทำการอัพเดตจริง ๆ ก็สามารถสั่งเองได้เช่นกัน โดยทำการ คลิกเมาส์ขวาที่ My Computer บนหน้า Desktop เลือก Properties และเลือก Automatic Updates ตามภาพ



เอาเครื่องหมายถูกหน้าช่อง Keep my computer up to date... ออกไปและกด OK ครับ

* การปิดการทำงานของระบบ Remote Desktop
เป็นการปิดการทำงานของการใช้งาน Remote Desktop หรือการทำ Remote จากเครืองคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง ไปยังอีกเครื่องหนึ่ง โดยปกติเราจะไม่ได้มีการใช้งานส่วนนี้อยู่แล้ว ปิดไปเลยดีกว่าครับ โดยทำการ คลิกเมาส์ขวาที่ My Computer บนหน้า Desktop เลือก Properties และเลือก Remote ตามภาพ



เอาเครื่องหมายถูกออกไปให้หมดเหมือนภาพด้านบน และกดที่ปุ่ม OK ครับ

* การปรับแต่งระบบ Registry ของระบบวินโดวส์ให้ทำงานได้ดีขึ้น
สำหรับส่วนนี้ ก็จะเป็นการปรับแต่งระบบ Registry ของ Windows โดยในที่นี้ จะไม่ขออธิบายรายละเอียดมากนัก เอาเป็นว่า อยากจะลองปรับแต่งตรงไหน ก็กดเลือกที่ Registry สำเร็จรูปที่ได้เตรียมไว้แล้ว ให้ทำไปทีละอันตามต้องการจนครบได้เลย โดยวิธีการ ก็เพียงแค่เลือกที่ลิงค์ด้านล่างนี้ เลือกที่ Open และกดที่ Yes ครับ
1. การปรับ แต่งวินโดวส์ให้บูตเร็วขึ้น โดยการปรับค่า Memory Management
2. การ ปรับแต่งวินโดวส์ให้เล่นเน็ตเร็วขึ้น โดยการปรับแต่งค่า MAXConectionsPerServer
3. การ ปรับแต่งวินโดวส์ให้ชัตดาวน์ได้เร็วขึ้น โดยการปรับค่าต่าง ๆ ของระบบ

สำหรับขั้นตอนต่าง ๆ เท่าที่พอจะทำการปรับแต่งได้ โดยที่ไม่มีผลกระทบกับระบบ Windows XP มากนักก็มีเพียงเท่านี้ หลังจาก เสร็จสิ้น การปรับแต่งทุกอย่างแล้ว ลองเปรียบเทียบความรู้สึกต่าง ๆ ทั้งเวลาที่ใช้งานทั่ว ๆ ไปดูนะ ว่าได้ผลอย่างไรกันบ้าง

การปรับแต่ Firefox ให้ไหลลื่นหัวแตกกันเลย

เทคนิค การปรับแต่ง Firefox ให้เร็วขึ้นและกิน RAM น้อยลง[เห็นผลทันตา99.99%]
ก่อนอื่นให้เปิดโปรแกรม Firefox ขึ้นมาก่อน จะต่อเน็ตหรือไม่ต่อก็ได้ ในช่อง URL ให้พิมพ์คำว่า about:config ลงไป เพื่อทำการเข้าไปปรับค่าต่างๆ ของโปรแกรม
ให้ทำการแก้ไขค่าต่างๆ ดังนี้

network.http.proxy.pipelining จะเห็นว่าค่าเดิมเป็น false ให้ทำการแก้ไขให้เป็น true การแก้ไขทำได้โดย ดับเบิ้ลคลิกที่บรรทัดนั้นๆ ได้เลย

network.http.pipelining.maxrequests ให้ แก้ไขโดยการดับเบิ้ลคลิก จากนั้นจะมีหน้าต่างแสดงขึ้นมา เพื่อให้เราได้แก้ไขค่า (ซึ่งการแก้ไขในส่วนอื่นๆ ก็จะทำแบบเดียวกันนี้) ซึ่งค่าเดิมๆ คือ 4 ให้เราแก้เป็น 200

network.http.max-connections จาก 24 ให้แก้เป็น 64


network.http.max-connections-per-server จาก 8 ให้แก้เป็น 20

network.http.max-persistent-connections-per-proxy ค่า เดิมๆ คือ 4 ให้แก้ไขเป็น 10

network.http.max-persistent-connections-per-server ค่า เดิมคือ 2 ให้แก้ไขเป็น 10

network.http.request.max-start-delay ค่า เดิมๆ คือ 10 ให้เราแก้ไข เป็น 0 ในส่วนนี้เป็นช่วงกำหนดเวลา

network.http.proxy.version ค่า เดิมๆ คือ 1.1 แก้ไขเป็น 1.0

จาก นั้น คลิกขวาบนพื้นที่ว่าง เลือกที่ New(ใหม่) แล้วเลือกที่ Integer(จำนวนเต็ม) จะมีหน้าต่างปรากฏขึ้นมา ให้เราใส่ชื่อเป็น nglayout.initialpaint.delay จากนั้น จะให้เราใส่ค่า value ให้เราใส่ค่าเป็น 0

สร้างตัวแปรใหม่ ขึ้นมา เป็นแบบ Integer(จำนวนเต็ม) ด้วยวิธีเดียวกับวิธีข้างบน ใส่ชื่อตัวแปร เป็น browser.sessionhistory.max_total_viewers ส่วนการกำหนดค่า ของตัวแปรตัวนี้นั้น จะเป็นในส่วนของการเก็บแคช ดังนั้นจึงควรใส่ตามปริมาณแรมของเครื่องนั้นๆ

แรม 32 MB ให้ใส่ 0
แรม 64 MB ให้ใส่ 1
แรม 128 MB ให้ใส่ 2
แรม 256 MB ให้ใส่ 3
แรม 512 MB ให้ใส่ 5

ถ้า หากว่า มีปริมาณแรมเกินกว่านี้ ให้ใส่ 8 และห้าม กำหนดค่าตัวแปร เกิน 8 เพราะถ้าใส่ค่ามากกว่านี้ Firefox จะปิดการทำงานของแคช

สร้างตัวแปร ใหม่ขึ้นมา เป็นประเภท Integer(จำนวนเต็ม) ชื่อตัวแปร Browser.cache.memory.capacity สำหรับค่าของตัวแปร จะแปรผันตามวิธีด้านบน หรือจะกำหนดค่าตัวแปรเท่ากันกับตัวบนเลยก็ได้

สร้างตัวแปรใหม่ โดยเลือกที่ Boolean ชื่อของตัวแปรใส่เป็น config.trim_on_minimize กำหนดค่าของตัวแปรเป็น True

จาก นั้นก็ปิด Firefox แล้วทำการเปิดขึ้นมาใหม่ ทดลองเข้าเว็บต่างๆ ดู จะพบว่าสามารถเปิดเว็บได้อย่างไหลลื่นขึ้น นอกจากนี้ ให้คลิกขวาที่ Shortcut ของ Firefox เลือก Properties ที่แถบด้านบนเลือกเป็น Shortcut สังเกตในช่อง Target ให้เราเคาะเว้นวรรคก่อน 1 ครั้ง แล้วใส่นี้ /Perfect:1 อย่างเครื่องของเรา ก็จะได้เป็น "C:\Program Files\Mozilla Firefox\firefox.exe" /Perfect:1


ซ่อนตัวจาก Network Neighborhood

ในบางกรณีคุณอาจไม่ต้องการให้ชื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณไปปรากฏใน หน้าต่างNetwork Neighborhood วินทิปที่จะแนะนำต่อไปนี้ช่วยคุณแก้ปัญหานี้ได้ง่ายกว่าปอกกล้วยเข้าปากเสีย อีก ไม่เชื่อคลิกไปดูสิ...
ในกรณีที่ผู้ ใช้คอมพิวเตอร์ที่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Windows XPต้องการลบชื่อตัวเองออกจากหน้าต่าง Network Neighborhoodสามารถทำได้ด้วยบรรทัดคำสั่งซุ่งมีขั้นตอนการเรียกใช้ดังนี้
1. เปิดไดอะล็อกบ๊อกซ์ Run (คลิกปุ่ม Start->Run หรือกดปุ่ม Windows + R)
2. พิมพ์คำสั่ง net config server /hidden:yes
3. คลิกปุ่ม OK (หรือกดปุ่ม Enter บนคีย์บอร์ด)
เพียง แค่นี้ เวลาที่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์เครื่องอื่นเปิดหน้าต่างNeighborhood เพื่อสืบค้นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต้องการพวกเขาก็จะไม่พบชื่อคอมพิวเตอร์ของ คุณอีกต่อไปสำหรับวิธีแก้กลับเป็นอย่างเดิม แค่เปลี่ยนคำว่า yes ให้เป็น noในบรรทัดคำสั่งที่ได้แนะนำไปแล้วข้างต้น ไม่ยากเลยใช่ไหมครับ


วิธีแก้ไขปัญหาไฟรั่วจากคอมฯ

คุณเคยมีปัญหานี้บ้างไหม? วันดีคืนดีขณะใช้งานคอมพิวเตอร์อยู่คุณก็ถูกไฟซ๊อต ไม่ทราบมาจากสาเหตุใด สำหรับผมเคยเจอแล้วบ่อย ๆสาเหตุอย่างหนึ่งคือ ความชื้นในตัวเราเอง (มาจากเหงื่อ)สำหรับอีกสาเหตุหนึ่งเกิดมาจากไฟรั่วภายในคอมพิวเตอร์ซึ่งก็มี วิธีการแก้ไขง่าย ๆ ดังนี้
วิธีการแก้ไข
- หลีกเลี่ยงการติดตั้งห้องที่มีความชื้นสูง
- ต่อคอมพิวเตอร์เข้าไปเครื่องสำรองไฟ (UPS)
- ต่อสายคอมพิวเตอร์ที่มีสาย Ground (ต่อสายดิน)
- ตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ ควรรองด้วยฉนวนที่ไม่เป็นสื่อไฟฟ้า เช่น พรม, กระดาษ เป็นต้น


เทคนิคป้องกันไฟล์สูญหายใน Micorsoft Word

ถ้าขณะที่เรากำลังตั้ง หน้าตั้งตาเขียนเอกสารอยู่นั้น เกิดไฟดับแล้วไม่ได้เซฟด้วยจะทำอย่างไรดี ? ตามปกติแล้ว โปรแกรมไมโครซอฟท์เวิร์ดจะมีการตั้งให้บันทึกเอกสารอัตโนมัติทุกๆ 10 นาทีป้องกันอุบัติเหตุไม่ให้เอกสารที่เราตั้งหน้าตั้งตาทำมาตั้งนานหายวับไป กับตาจากหลายสาเหตุ เช่น ไฟดับ เครื่องแฮงก์ มีคนมาเตะปลั๊กไฟ!
วิธีตั้ง คือ เข้าไปที่ Tools -> Options เลือก Saveแล้วทำเครื่องหมายถูกหน้าหัวข้อ Save AutoRecover info every:ซึ่งคุณสามารถตั้งเวลาในการบันทึกได้ตามต้องการ จากนั้นกด OKก็เป็นอันเรียบร้อย


Error Report ความผิดพลาดที่ไม่ต้องการให้แสดง

การใช้งาน Windows XP รวมถึงโปรแกรมอื่น ๆ ด้วย อาจมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นซึ่งจะไปปรากฎในหน้าต่าง Error Report เพื่อแจ้งไปให้ไมโครซอฟท์ได้รับทราบแต่บางสิ่งอาจไม่มีความจำเป็นต้องแจ้ง เราสามารถปิดหน้าต่าง Error Reportได้ดังนี้
1. คลิกขวาที่ไอคอน My Computer
2. เลือกรายการ Properties
3. เลือกแท็บ Advanced
4. คลิกปุ่ม Error Report
5. คลิกเมาส์ที่หน้า Disable error reporting
6. คลิก OK เพียงเท่านี้ก็สามารถปิด Error Report ได้แล้ว


การลบโปรแกรมที่ตกค้างใน Registry

มื่อท่านทำการ Uninstall (การลบโปรแกรมต่างๆออกจากวินโดวส์) จะมีรายชื่อของโปรแกรมที่ท่านลบตกค้าง
อยู่ที่ Registry ซึ่งเกิดจากความผิพลาดในการทำงานของวินโดวส์ แต่ท่านสามารถทำำการลบโปรแกรมที่ตกค้าง
ออกจาก Registry ของท่านได้โดยวิธีการดังนี้ครับ

1. ให้ท่านเปิดโปรแกรม Run แล้ว พิมพ์ Regedit แล้วคลิกที่ OK
2. ในหน้าต่าง Registry Editor ให้เข้าไปที่ HKEY_LOCAL_MACHINE / SOFTWARE / Microsoft / Windows /
Current Version / Uninstall

3. ให้ทำการลบรายชื่อโปรแกรมที่ท่านได้ทำการ Uninstall ไปแล้ว แล้วทำการปิดโปรแกรมได้เลยครับ

ซ่อนไอ คอนบนหน้า Desktop - Windows XP

สำหรับหลาย คนที่มีการ present งานบ่อยๆ ไม่ว่าจะใช้ notebook หรือ desktop pc และไม่ต้องการให้แสดงไอคอนที่เลอะเทอะ สามารถแก้ไขด้วยวิธีง่ายๆ ของผมครับ ผมทดลองใช้กับ Windows XP ครับ ง่ายมากๆ ครับ เพียงคลิกเดียว

1. คลิ กขวา บนหน้าจอ Desktop
2. คลิกเลือกคำสั่ง Arrange Icons by
3. เลือกคำสั่ง Show Deskto Icons คลิกเลือกเครื่องหมายถูกออก


4. แค่นี้ ไอคอนบนหน้าจอก็จะหายไป
5. ถ้าต้องการเรียกกลับมา ให้ทำตามขั้นตอนข้างต้น และคลิกเลือก Show Deskto Icons ให้มีเครื่องหมายถูกข้างหน้า



แก้ปัญหาเครื่องขึ้นข้อความ Unmountable Boot Volume

จู่ๆ เปิดเครื่องคอมฯ ขึ้นมา ยังไม่ได้เข้าถึง Windows XP เลย ก็ปรากฏข้อความเกือบเต็มหน้า และมีข้อความแสดดงว่า "UNMOUNTABLE_BOOT_VOLUME" เครื่องค้างไปเลย ทำอะไรไม่ได้ ได้ทดลอง boot ใหม่ และพยายามเข้า save mode ก็ไม่ได้เช่นกัน พยายามทำ System Restore ก็ไม่ได้อีกเช่นกัน

สาเหตุที่อาจเป็นไปได้
มีการติดตั้งอุปกรณ์ที่ไม่เข้ากับ Windows XP (ถ้าใช่ให้ลองถอดออกก่อนและลองติดตั้งใหม่) แต่ถ้ายังไม่ได้ ให้ทำวิธีดังนี้

การแก้ไข

1. บู๊ตด้วยแผ่น boot Windows XP
2. ระหว่างบู๊ตจะมีหน้าต่างแสดงด้านล่างให้กด ตัว R เพื่อเข้าระบบ (R=Repair) เราเรียกวิธีการนี้ว่า Recovery Console
3. จากนั้นรอสักพัก จะมีหน้าต่างให้เลือก partition ให้เลือก 1 C:\WINDOWS: หรือ
4. ถ้าไม่ได้มีหัวข้อให้เลือก ก็จะเข้า Drive C: เลย (เหมือนกับระบบ DOS)
5. จากนั้นพิมพ์คำสั่ง "CHKDSK /R" คำสังนี้จะทำการตรวจสอบดิกส์ และซ่อมให้อัตโนมัติ
6. รอจนกระทั่งเสร็จ 100% ทั้งนี้ ขึ้นกับปัญหาและขนาดของฮาร์ดดิกส์ว่าใหญ่ขนาดไหน สำหรับของผม 80 gb ก็ใช้เวลาประมาณ 10 กว่านาที
7. ถ้าต้องการให้แน่นอนมากขึ้น หลังจาก CHKDSK เสร็จแล้ว ให้พิมพ์คำสั่ง "fixboot" ด้วย
8. เสร็จแล้ว ให้พิมพ์คำสั่ง Exit เพื่อออกจาก Repair และ Restart Windows ใหม่

ทิป:: คำสั่งที่ให้พิมพ์นั้น จะเป็นตัวพิมพ์เล็กหรือใหญ่ก็ได้ทั้งนั้น

10 ลางบอกเหตุฮาร์ดดิสก์ใกล้ไปจากเรา

ว่ากันว่าผู้ใช้บางท่านรู้สึกแย่มาก ๆ ที่อยู่ดี ๆ ฮาร์ดดิสก์สุดที่รักก็จากไปอย่างไม่หวนคืน ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นมันมีสัญญาณเตือนให้ทราบอยู่ตลอดเวลา แต่ก็หาได้สังเกตไม่ ในขณะเดียวกัน ผู้ใช้ส่วนใหญ่ก็จะไม่มีนิสัยรักการแบ็คอัพ ประเภทรักเดียวใจเดียวไม่สำรองข้อมูลไว้ที่อื่นกันบ้างเลย

ประเด็น ที่อยากจะเตือนผู้ใช้ก็คือ อย่ามั่นใจเทคโนโลยีมากเกินไป ควรสังเกตสังกามันบ้าง ต่อไปนี้คือ ลางบอกเหตุสำหรับฮาร์ดดิสก์ที่ใกล้ตาย ซึ่งมีอยู่ 10 ข้อด้วยกัน อ่านเรื่องนี้จบแล้วลองพิจารณาดูด้วยนะครับว่า ฮาร์ดดิสก์ที่ใช้อยู่มีอาการตามนี้บ้างหรือไม่

1. เสียงดังติ๊กๆ อย่านึกว่าเป็นเข็มนาฬิกา : ฮาร์ดดิสก์ทุกตัวในโลกนี้ไม่เคยติดตั้งนาฬิกาปลุกไว้ข้างใน และถ้ามันเป็นปกติดีก็ไม่ควรจะมีเสียงดังติ๊กๆ ให้ชวนระทึกขวัญด้วย เสียงดังที่ว่านี้ ถ้าจะให้พิจารณากันอย่างละเอียดคุณต้องเอาหูแนบกับฮาร์ดดิสก์ว่าเสียงมาจาก ส่วนใด เพราะการวิเคราะห์หาสาเหตุจะทำได้ตรงจุดจริง ๆ ถ้าเสียงมาจากตรงกลางให้สันนิษฐานว่ามาจากชุดขับเคลื่อนมอเตอร์ที่อาจเกิด ความผิดพลาดหรือชำรุดขึ้น แต่ถ้าเสียงดังมาจากรอบ ๆ นอกในรัศมีของกล่องฮาร์ดดิสก์ ให้สันนิษฐานว่าปัญหามาจากหัวอ่านติดขัด ซึ่งอาจจะกำลังเคาะกับแผ่นจานอยู่ก็เป็นได้ ตรงนี้อันตรายมากเพราะทำให้ข้อมูลเสียหายได้ทั้งลูกเลย

2. ไฟดับบ่อยๆ ไม่ดีกับฮาร์ดดิสก์ : เครื่องคอมพ์ที่ไม่มี UPS มีโอกาสเสี่ยงที่อุปกรณ์ภายในจะเสียหายเร็วขึ้นถ้าหากมีไฟดับบ่อย ๆ โดยเฉพาะฮาร์ดดิสก์นั้น เวลาที่ไฟฟ้าดับอย่างรวดเร็วหัวอ่านข้างในอาจจะยังไม่กลับสู่บริเวณที่ ปลอดภัย หรือบางทีหัวอ่านอาจจะไปกระแทกกับแผ่นจานในช่วงที่ไฟฟ้ากระชากขึ้นมาทันที ซึ่งไม่เป็นผลดีแน่ นอกจากนี้หากไฟตกบ่อย ๆ แล้วดับลงก็ไม่เป็นผลดีเช่นกัน เพราะฮาร์ดดิสก์จะพยายามทำงานตามหน้าที่หากมีกำลังไฟเพียงพอ แต่ถ้าในระหว่างนั้นไฟค่อยๆ ตกลงและดับไป ตำแหน่งของหัวอ่านจะยังไม่กลับที่เดิมแน่ ดังนั้น ควรติดตั้ง UPS ไว้จะปลอดภัยทั้งฮาร์ดดิสก์เองและอุปกรณ์ทั้งหมดด้วยเช่นกัน

3. เครื่องแฮงก์บ่อยๆ : ปัญหาเครื่องคอมพ์ค้างนั้น มีหลายสาเหตุครับ นอกจากซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการ Error แล้ว อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ก็สามารถทำให้เครื่องค้างหรือหยุดนิ่งไม่ไหวติงได้เช่นกัน หนึ่งในนั้นก็คือ ฮาร์ดดิสก์ นั่นเอง ทำไมฮาร์ดดิสก์ถึงค้างได้ เป็นคำถามที่ตอบได้ไม่ยากครับ อย่างแรกเลยก็คือ กำลังไฟที่จ่ายไม่เพียงพอ ถ้าเครื่องของคุณมีอุปกรณ์ต่อพ่วงมาก มีฮาร์ดดิสก์และไดรฟ์ออปติคอลหลายตัว แต่เพาะเวอร์ซัพพลายใช้ของราคาถูก จ่ายไฟไม่พอ แบบนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้ฮร์ดดิสก์ค้างได้เลย และอย่างที่สองมาจากอุปกรณ์ภายฮาร์ดดิสก์ในทำงานผิดพลาด ซึ่งตรงจุดนี้ตัวระบบปฏิบัติการเองสามารถส่งผลต่อเนื่องมายังฮาร์ดดิสก์ได้ โดยตรง เพราะยังไงเสียระบบปฏิบัติการก็เก็บอยู่ในฮาร์ดดิสก์นั่นเอง ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับส่วนหนึ่ง ย่อมส่งผลไปยังส่วนที่เหลือได้ไม่ยาก

4. ทำไมมันร้อนเร็วจัง : หลังจากที่คุณเปิดสวิตช์เครื่องคอมพ์ได้ไม่นาน และพบว่าฮาร์ดดิสก์ของคุณมีอุณหภูมิขึ้นสูงอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ แต่ยังคงทำงานต่อไปได้ ให้ตั้งข้อสันนิษฐานถึงความผิดปกติที่พบขึ้นมาทันที อย่าได้นิ่งนอนใจ เพราะฮาร์ดดิสก์จะร้อนขึ้นเมื่อมีการเริ่มเขียน-อ่าน ข้อมูลอย่างจริงๆ จังๆ แค่เปิดเครื่องแล้วอยู่ๆ ก็ร้อนขึ้นขนาดนี้ไม่ดีแน่ครับ อาการที่ว่านี้มาจากอุปกรณ์ภายในโดยตรงที่ส่งความร้อนออกมา มอเตอร์อาจได้รับแรงดันไฟมากเกินไปหรือไม่เสถียรพอจนทำงานผิดพลาด นอกจากนี้หากมีชิ้นส่วนในแผงวงจรเกิดชำรุดเสียหายขึ้นมาก็สามารถแสดงอาการ แบบนี้ได้เช่นกัน

5. โปรแกรมค้างบ่อยๆ : สำหรับโปรแกรมที่กำลังพูดถึงนี้ ผมเหมารวมไปถึงระบบปฏิบัติการด้วยนะครับ เวลาที่คุณเปิดโปรแกรมสักตัวขึ้นมาแล้วมันหยุดนิ่งหรือค้างไปเฉยๆ นั้น หนึ่งในข้อสันนิษฐานที่อยากให้ทุกท่านได้ใส่ใจก็คือ ปัญหาที่ว่าอาจมาจากฮาร์ดดิสก์โดยตรง ถ้าฮาร์ดดิสก์ของคุณมีแบดเซกเตอร์ (Bad Sector) กระจัดกระจายอยู่ทั่วทั้งฮาร์ดดิสก์ ผมกล้าฟันธงได้เลยว่าเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้โปรแกรมหรือแม้แต่ระบบปฏิบัติ การค้างได้ เป็นสัญญาณเตือนภัยที่คุณสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนที่สุด

6. ไฟติด แต่ไฟล์ดับ! : ถ้าคุณต่อสายสัญญาณไฟแสดงสถานะของฮาร์ดดิสก์ในเมนบอร์ดถูกต้อง หลอด LED ด้านหน้าเคสต้องแสดงอาการให้เห็นเวลาที่มีการเขียนอ่านข้อมูลเกิดขึ้น หลอดไฟดวงเล็ก ๆ นี้ช่วยให้คุณสังเกตความผิดปกติของฮาร์ดดิสก์ได้เช่นกัน ยกตัวอย่าง ถ้าในระหว่างที่มีการเขียนข้อมูลหรือไฟล์ลงฮาร์ดดิสก์ หลอดไฟย่อมกะพริบอยู่ตลอด แต่หลังจากคุณกลับเข้าไปดูข้อมูลที่เขียนหรือโอนถ่ายลงไปกลับพบว่าทุกอย่าง ว่างเปล่า ไม่มีอะไรถูกเขียนลงไปในฮาร์ดดิสก์เลย แล้วทำไมหลอดไฟถึงได้กะพริบแบบนั้น ตรงนี้บอกอะไรเราได้บ้าง อย่างแรกเลยคือ เกิดความผิดพลาดในระดับโครงสร้างการจัดเก็บไฟล์ ปัญหาที่ว่านี้อาจมาจากระบบ FAT หรือแม้แต่โครงสร้างพาร์ทิชันเสียหาย ไฟที่กะพริบแสดงถึงการโอนข้อมูลไปยังตำแหน่งของเซกเตอร์ที่ใช้เก็บข้อมูล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเขียนลงไปได้สำเร็จจริงๆ ยิ่งถ้าคุณปิดหน้าจอไว้ในระหว่างที่มีการโอนไฟล์ใหญ่ๆ หลอดไฟที่กะพริบอาจทำให้คุณเข้าใจว่าระบบกำลังทำงานอยู่ ตรงนี้ถ้าไม่เปิดดูหน้าจอจะไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น

7. ฮาร์ดดิสก์ตีกลอง : สำหรับอาการที่ว่านี้มีความแตกต่างจากข้อที่ 1 โดยสิ้นเชิง ถ้าคุณได้ยิ้นเสียงรัวกลองดังกึกก้องมาจากฮาร์ดดิสก์ และไม่ยอมหยุดซักที อาการแบบนี้บอกได้อย่างเดียวว่ามันจะขอลาแล้วละครับ เสียงดังที่คล้ายกับการตีกลองนั้นมาจากหัวอ่านไปกระทบกับจานอย่างจัง หรือแม้แต่หัวอ่านเลื่อนหลุดออกจากตำแหน่งล็อก จนไปกระกบกับแผ่นจาน ถ้าเป็นแบบนี้ข้อมูลทั้งหมดในอาร์ดดิสก์อาจได้รับความเสียหายจนถึงขั้นกู้ ไม่ได้เลย ดังนั้น ถ้าเสียงกลองเพิ่งเริ่มรัวให้คุณรีบพาฮาร์ดดิสก์ไปซ่อมด่วนเลยนะครับ!

8. สแกนดิสก์ไม่ผ่าน : การตรวจสุขภาพฮาร์ดดิสก์ที่คุณสามารถทำได้ด้วยตัวเองก็คือ สแกนมันให้ทั่วทั้งจาน ไม่ว่าคุณจะใช้บริการจากยูทิลิตีบนวินโดวส์เอง หรือโปรแกรมจากเธิร์ดพาร์ตี้ก็ตาม หากสแกนไม่ตลอดรอดฝั่งแล้วละก็ ให้ตั้งข้อสันนิษฐานได้เลยว่าฮาร์ดดิสก์กำลังมีปัญหาเกิดขึ้น สาเหตุก็มีทั้งโครงสร้าง FAT เสียหาย รวมถึงตารางพาร์ทิชันที่อาจเสียหายด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ หากฮาร์ดดิสก์มีแบดเซกเตอร์ ตรงจุดสำคัญๆ ก็จะส่งผลให้การสแกนฮาร์ดดิสก์ตรงตำแหน่งพื้นที่นั้นๆ ไม่ผ่านด้วยเช่นกัน หรือแม้แต่ค้างนิ่งไปเลยก็มีให้เห็นด้วย

9. สั่งดีแฟรกแต่ไม่ฉลุย : ดีแฟรก หรือการจัดเรียงข้อมูลหรือไฟล์ที่ไม่ต่อเนื่องซึ่งกระจัดกระจายอยู่ทั่ว ฮาร์ดดิสก์ให้กลับมาเป็นระเบียบเรียบร้อยเหมือนเดิม เป็นวิธีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความเร็วให้ก็จริง แต่ถ้าการดีแฟรกไม่ผ่านฉลุยหรือไม่ยอมจบสิ้นซักทีล่ะ ปัญหาจะมาจากไหนได้ นอกจากฮาร์ดดิสก์นั่นเอง ถ้าคุณพบอาการที่ว่านี้ในระหว่างการดีแฟรกฮาร์ดดิสก์นั้น เป็นสัญญาณที่บ่งบอกได้ถึงสุขภาพฮาร์ดดิสก์ของคุณเริ่มไม่ดีแล้ว ความเป็นไปได้ของปัญหามีอยู่สองอย่างครับ อย่างแรกมาจากตัวอุปกรณ์เองที่อาจชำรุดเสียหาย และอย่างที่สองมาจากโครงสร้างพื้นฐานการจัดเก็บข้อมูลเกิดความเสียหายใน ระดับซอฟต์แวร์ ตรงนี้เราไม่สามารถใช้การดีแฟรกมาช่วยได้นอกจากต้องสร้างพาร์ทิชันและฟอร์ แมตโครงสร้าง FAT ขึ้นมาใหม่

10. สร้างพาร์ทิชันไม่ได้ : สัญญาณอันตรายในข้อสุดท้ายนี้ค่อนข้างรุนแรงครับ ถ้าคุณเผอิญกำลังประสบอยู่ละก็ ขอบอกเลยว่าอาจจะต้องทำใจเอาไว้ด้วย ถ้าอาการที่ว่านี้เกิดกับฮาร์ดดิสก์ตัวใหม่แกะกล่องคงไม่ต้องซีเรียสอะไร เพราะยังไงก็เคลมได้ชัวร์ๆ แต่ถ้าเป็นฮาร์ดดิสก์ที่หมดประกันไปแล้วล่ะ สิ่งที่คุณต้องเรียนรู้เวลาที่ไม่สามารถสร้างพาร์ทิชันขึ้นมาได้เลย ไม่ว่าจะใช้โปรแกรมใดๆ ก็ตาม การตีความหมายไม่ควรอยู่ในวงแคบๆ เช่น ฮาร์ดดิสก์พังแน่ ๆ หรือมันเพิ่งหล่นมาใช้ไหมนี่ ปัญหาอาจจะมาจากแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์เสียหาย ซึ่งหากคุณหาอะไหล่ที่เป็นรุ่นเดียวกันมาถอดเปลี่ยนเข้าไปใหม่ ก็สามารถใช้งานฮาร์ดดิสก์ได้แล้ว แต่ถ้าแผ่นจานเสียหายละก็หมดสิทธิ์ทันทีครับ ต้องกินยาทำใจอย่างเดียว

ลบไฟล์ขยะ หลังจากเลิกเล่นเน็ต ช่วยลดปัญหาไวรัสได้

เวลาเราเข้าเว็บไซต์ต่างๆ โปรแกรม IE ก็จะทำการ download ข้อมูลมาเก็บไว้ในเครื่องของเราก่อน จากนั้นถ้าเราเลิกเล่น ไฟล์เหล่านี้ก็จะค้างในเครื่องของเรา นอกจากปัญหาไฟล์ในเครื่องที่อาจจะเพิ่มมากขึ้น ทำให้เนื้อที่ใน harddisk ของเราไม่เพียงพอแล้ว อาจมีไวรัสแอบแฝงเข้ามาในเครื่องคอมฯ ของเราได้ด้วย ดังนั้นวิธีการจัดการอย่างหนึ่งที่ง่ายก็คือ กำหนดให้โปรแกรม IE ลบไฟล์ขยะเหล่านี้อัตโนม้ติทุกครั้งที่ปิดโปรแกรม สำหรับขั้นตอนก็สั้นๆ ครับ เพียงทำตามรายละเอียดข้างล่างนี้
วิธีกำหนดให้ลบไฟล์ขยะจาก อินเตอร์เน็ตแบบอัตโนมัติ
1.คลิกเมนู Tools
2.เลือกคำสั่ง Internet Options
3.คลิกเลือกแท็ป Advanced
4.เลื่อนลงมาที่หัวข้อ Security
5.จากนั้น คลิกหัวข้อ Empty Temporaly Internet Files Folder when browser is closed
6.กดปุ่ม Apply อีกครั้งเพื่อยืนยัน
7.แล้ว นี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว
ข้อมูลเพิ่มเติม::
ส่วนดีของการที่โปรแกรม IE มีการ download ไฟล์มาเก็บไว้ในเครื่องของเรา ทำให้การใช้งานในครั้งต่อไป สามารถเปิดดูรายละเอียดในเว็บนั้นๆได้เร็วขึ้น เนื่องจากไม่ต้องเสียเวลาในการ download ซ้ำอีก อย่างไรก็ตาม ควรเปรียบเทียบผลดี ผลเสียกันเอาเองน่ะครับ แต่ถ้าให้ผมฟันธงเลย ขอตอบว่าลบไปเลยดีกว่าครับ..

นักท่องเน็ตอย่าพลาด ! อ่านตรงนี้ก่อน "การรักษาความปลอดภัยในการเล่นอินเตอร์เน็ต" หลาย ๆ ท่านคงแปลกใจว่า เล่นเน็ตมาตั้งนาน ไม่เคยมีปัญหาอะไร แต่ ลองอ่านข้อมูลด้านล่างเหล่านี้เสียก่อน แล้วท่านจะพบว่า มันไม่จริงอย่างที่คิดไว้แล้ว
1.Auto Complete
หลาย ๆ ท่านที่ใช้ internet ในร้านค้าทั่วไป หรือใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกันผู้อื่น เคยทราบไหมว่า ทำไมบ้างครั้ง เวลากรอกแบบฟอร์มในบางเวป ถึงมีความข้อความขึ้นมาใหัอัตโนมัติ โดยไม่จำเป็นต้องกรอกจนเสร็จ นั่นเป็นเพราะว่าโปรแกรม I.E. มีการเก็บข้อมูลที่คุณเคยกรอกไว้ โดยมีฟังก์ชั่น ที่ช่วยในการกรอกข้อมูล นั่นคือ Autocomplete แล้วลองคิดดู ถ้ามีบุคคลอื่น นำข้อมูลของคุณไปใช้ คุณจะคิดอย่างไร ? ไม่ยากครับ เรามีวิธีแก้ไขให้ดังนี้

1.คลิกไปที่เมนู Tools
2.เลือก Internet Options
3.คลิกแท็ปเลือก Contents
4.คลิกเลือกปุ่ม AutoComplete
5.คลิก ยกเลิกออปชั่น Forms


2.Clear History
เวลา ท่องเวปแล้ว ไม่อยากให้ใครทราบว่า เราเคยไปเวปไซท์ ไหน ๆ มาบ้าง ยิ่งบางเวปอาจไม่เหมาะที่จะให้เด็ก ๆ หรือเจ้านายของคุณได้รับรู้ จะทำอย่างไรดี ไม่ยากครับ เรามีวิธีมาบอก

1.คลิกไปที่เมนู Tools
2.เลือก Internet Options
3.คลิกแท็ปเลือก General
4.คลิกปุ่ม Clear History


Cookies 3.ไม่ใช่ขนมน่ะครับ
Cookies เป็น Text file เล็กๆที่เว็ปเซิร์ฟเวอร์ส่งมายังเครื่องคอมฯของคุณ ทำหน้าที่เก็บข้อมูลต่าง ๆ ในรูปของไฟล์ เพื่อจดจำรหัสผ่าน รายละเอียดการเข้าไปใช้งานในเวปนั้น ๆ ซึ่งจุดนี้เอง ทำให้เจ้าของเวป หรือพวกแฮกเกอร์ สามารถเข้าไป ตรวจสอบ แก้ไข หรือทำลายเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณได้ เรามีทางแก้ไขครับ

1.เข้าไป โปรแกรม Windows Explorer
2.เข้าไป folder C:\winodws\cookies ลบ files ทั้งหมดที่อยู่ใน folder นี้
3.เข้าไป folder C:\winodws\Temporary Internet Files ลบ files ทั้งหมดที่อยู่ใน folder นี้
4.อาจะใช้โปรแกรม Disk Clean up ซึ่งอยู่ในเมนู Accessories ช่วยก็ได้


4.Security Level
การกำหนดระดับความรักษาความปลอดภัย ในระดับต่างๆ ง่าย ๆ ครับ เพียงแค่คลิกเลือกระดับที่ต้องการ High, Meduium, Medium-Low, และ Low ซึ่งแต่ละระดับก็จะมีคำอธิบายไว้ให้ และถ้าท่านเป็นผู้ชำนาญในการใช้ internet อาจเลือกหัวข้อ Custom เพื่อกำหนดรายละเอียดย่อย ๆ ด้วยตนเองได้อีกด้วย

1.คลิกไปที่เมนู Tools
2.เลือก Internet Options
3.คลิกแท็ปเลือก Security
5.คลิกแท็ปเลือก Default Level
5.ปรับ ระดับความรักษาปลอดภัยตามต้องการ

ระวัง ไวรัสจากการค้นหา serial number
ผมเป็นผู้หนึ่งที่ชอบทดสอบการใช้โปรแกรมมานาน ส่วนหนึ่งได้ค้นคว้าหาข้อมูลเองจากอินเตอร์เน็ต อีกส่วนหนึ่งก็อ่านจากนิตยสารคอมพิวเตอร์ หลายๆ ฉบับมักมีการแนะนำการใช้โปรแกรมต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็น Shareware มีอายุการใช้งานไม่เกิน 30 วัน ผู้เขียนมักแนะนำให้ไปหา Serial Number หรือ Crack จากอินเตอร์เน็ต ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นวิธีการที่สะดวกในการที่เราต้องการทดสอบโปรแกรมแบบ เต็มๆ

อย่างไรก็ตามจากประสบการณ์ที่ได้มีการทดสอบ ปรากฏว่า เกือบ 100% มักประสบปัญหาไวรัสประเภทต่างๆ แอบแฝงเข้ามา ร่วมทั้งสื่อโฆษณาลามก โดยที่เราไม่ต้องทำอะไร ไวรัสก็จะเข้ามาติดตั้งในเครื่องคอมฯ ของเราเอง และที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ถ้าคุณทำงานในองค์กรที่มีระบบเครือข่าย อาจเกิดปัญหาที่คุณอาจคิดไม่ถึงได้ครับ เรื่องนี้ฝากให้ระวังกันไว้ด้วย..

คำ แนะนำเบื้องต้นก็คือ ก่อนทำการค้นหา serial number นั้น ต้องติดตั้งโปรแกรม anti-virus แบบฉบับสมบูรณ์ มีระบบ Firewall ที่แน่นหนาพอ ซึ่งอาจช่วยได้ ณ ระดับหนึ่ง เท่านั้น

กล่อง เครื่องมือต่อสู้ Spam ของ Twitter

Twitter ได้เพิ่มกล่องเครื่องมือ ให้กับผู้ใช้งาน เพื่อต่อสู้กับ Spam โดยที่จะทำธงเครื่องหมายระบุ
ชุมชนสามารถช่วยป้องกัน Spam โดยแจ้งปัญหาโดยคลิก "Report as spam" จากนั้นทีมงานจะทำการตรวจสอบ
และ ดำเนินการต่อไป และเมื่อเรารายงาน รายชื่อนั้นจะถูกบล็อก ไม่สามารถส่งหาคุณได้อีก



เครื่องมือต่อสู้กับ Spam นี้ จะช่วยเราเพื่อให้ได้รับความปลอดภัยในการใช้งานของ Twitter

รู้ทัน กล้องแอบถ่าย ก่อนเป็นเหยื่อรายต่อไป!!

กลายเป็นเรื่องถกเถียงในวงกว้างอย่างหนาหู เกี่ยวกับการป้องกันกล้องแอบถ่าย หลังจากมีข่าวเจ้าของหอพักแอบนำกล้องวงจรปิดไปซุกซ่อนไว้ในห้องของผู้เช่า เพื่อซุ่มดูพฤติกรรมทั้งนักศึกษาสาวและหนุ่มเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน สิ่งเหล่านี้กลายเป็นภัยใกล้ตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ทั้งในที่สาธารณะและ พื้นที่ส่วนตัว
ไม่แน่ตอนนี้มันอาจจ้องมองคุณอยู่!!! เนื่องจากขนาดของกล้องพัฒนาให้มีขนาดเล็กกะทัดรัด สามารถตบตาเหยื่อไม่ให้สงสัยได้ และเพื่อให้รู้เท่าทันวิวัฒนาการรวมถึงกลวิธีของนักแอบถ่าย จึงเป็นเรื่องที่ทุกคน ควรรู้และคลี่คลายถึงเคล็ดลับการตรวจจับอย่างถูกต้อง

ในมุมของ ผศ.ศิริวัฒน์ หงส์ทอง หัวหน้าภาควิชา เทคโนโลยีวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ มองถึงกล้องแอบถ่ายที่มิจฉาชีพนิยมว่า ส่วนใหญ่เป็น กล้องธรรมดาแบบไร้สาย โดยถ่ายภาพวิดีโอได้เมื่อพื้นที่นั้นมีแสงสว่าง กระบวนการทำงานใช้ถ่านไฟฉายหรือถ่านนาฬิกาจ่ายไฟให้กับตัวกล้อง และส่งสัญญาณไปยังเครื่องรับที่แปลสัญญาณเป็นภาพบนจอทีวี ซึ่งระยะการทำงานของเครื่องส่งและรับจะไม่ไกลกว่า 15 เมตร ขณะเดียวกันกล้องชนิดนี้ยังสามารถเชื่อมต่อกับสายไฟรับส่งข้อมูลไปยังปลาย ทางในระยะที่คนร้ายได้โยงสายไฟ

ที่ผ่านมากล้องธรรมดาที่ใช้ในการแอบถ่ายส่วนใหญ่มีการดัดแปลงถอดชิ้นส่วนตัว เครื่องที่มีขนาดใหญ่ออกเหลือเพียงตัวกล้องเพื่อง่ายแก่การหลบซ่อน แต่ขณะนี้ มีกล้องแอบถ่ายดัดแปลงเป็นนาฬิกา กระดุม ปากกา และไฟแช็ก ซึ่งแหล่งผลิตส่วนใหญ่อยู่ในจีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น
อีกประเภทเป็นกล้องอินฟราเรด มีกระบวนการทำงานด้วยการยิงแสงอินฟราเรดไปยังวัตถุเป้าหมายแล้วแสงเหล่านั้น จะสะท้อนกลับมาที่กล้อง ภาพที่ออกมามีลักษณะขาวดำ แต่จะพิเศษกว่ากล้องทั่วไปตรงที่สามารถส่องเห็นวัตถุแม้ไม่มีแสง กลุ่มของนักแอบถ่ายมักไม่นิยมใช้กล้องแบบนี้เนื่องจากไม่มีสี แต่ในบางกรณีกล้องบางรุ่นออกแบบมาให้ใช้ได้ทั้งกล้องธรรมดาที่มีสีกับกล้อง อินฟราเรดที่ใช้ได้เมื่อเวลาไม่มีแสง

ด้านการสังเกตกล้องแอบ ถ่าย ผศ.ศิริวัฒน์ ให้ความคิดเห็นว่า ค่อนข้างทำได้ยาก เนื่องจากกล้องมีขนาดเล็ก ขณะเดียวกันวิธีการสำรวจที่ว่า หากมีกล้องแอบถ่ายแบบไร้สาย เมื่อใช้โทรศัพท์มือถือจะไม่มีสัญญาณหรือไม่สามารถโทรฯออกได้ ซึ่งเป็นไปได้ยากเนื่องจากกล้องแอบถ่ายส่วนใหญ่ใช้คลื่นความถี่ในการส่งสูง กว่าคลื่นมือถือ ในบางกรณีที่คลื่นของกล้องแอบถ่ายกับมือถือมีความถี่ชนกัน จึงทำให้โทรศัพท์มือถือไม่มีสัญญาณหรือโทรฯออกไม่ได้

ส่วนอีก กรณีที่ให้ทด สอบด้วยการนำกล้องมือถือถ่ายตรงจุดต้องสงสัยว่ามีกล้องแอบถ่ายซ่อนอยู่หรือ ใช้รีโมตเครื่องใช้ไฟฟ้ากดปุ่มใดก็ได้ตรงบริเวณที่สงสัย ซึ่งเมื่อภาพที่ถ่ายออกมาจะมีจุดสีแดง ในทางวิชาการจะไม่สามารถใช้ได้กับกล้องธรรมดาทั่วไป แต่สามารถช่วยได้ในกรณีเป็นกล้องแอบถ่ายแบบอินฟราเรด

ขณะที่ กล้องแอบถ่ายที่มีการเดินสายไฟ เหยื่อต้องใช้การสังเกตสิ่งผิดปกติโดยรอบ เช่น การเดินสายไฟที่พวกนี้จะเดินสายไฟทีหลังและไม่มีความเรียบร้อย ซึ่งหากให้ดีควรไล่สายไฟแต่ละเส้นว่าได้รับการต่อกับเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือไม่ ด้านในพื้นที่สาธารณะต้องสำรวจวัตถุต้องสงสัยที่วางอยู่ในระยะ 2 เมตร เนื่องจากกล้องพวกนี้จับระยะได้ไกลสุด

“ด้วย ความที่กล้องแอบถ่ายเหล่านี้หาซื้อได้ง่าย ทำให้กลุ่มมิจฉาชีพสามารถหาอุปกรณ์มาสนองความต้องการที่มีให้เลือกได้หลาย รูปแบบ คนไม่มีความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีก็สามารถนำมาดัดแปลงใช้ได้ จึงเป็นอีกปัญหาสังคมที่ต้องจับตามอง ดังนั้นเหยื่อควรสำรวจมุมห้องเช่น ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เป็นจุดล่อแหลมของการแอบถ่ายหรือกระจกที่ลองเสื้อ ผ้าซึ่ง มีความเป็นไปได้ที่กลุ่มคนเหล่านี้จะนำกล้องไปซ่อนไว้หลังกระจกที่ด้านใน สามารถมองเห็นคนด้านนอกได้ ดังนั้นผู้ที่ใช้ห้องลองเสื้อผ้าสาธารณะควรมีเสื้อผ้าปกปิดจุดสำคัญไว้บ้าง” ผศ.ศิริวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย

พ.ต.ท.ปัญญา ชะเอมเทศ สารวัตรกอง 1 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ให้ความเห็นถึงสถานการณ์ของวงจรการแอบถ่ายว่า มีความรุนแรงมากขึ้น เป็นผลจากมีขบวนการแอบถ่ายนำข้อมูลของผู้เสียหายไปเผยแพร่เพื่อเก็บเงินกับ ผู้เข้าชมในอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีหลายคนนิยมใช้บริการเหล่านี้

“พัฒนาการ ของมิจฉาชีพจากเดิมถ่ายภาพระยะไกลโดยใช้การซูมกล้องเป็นหลัก แต่ขณะนี้มีอุปกรณ์กล้องขนาดเล็กที่ดัดแปลงมาให้กลุ่มคนเหล่านี้ใช้อย่าง แพร่หลาย สามารถสั่งซื้อได้ทางอินเทอร์เน็ตอย่างสะดวก ซึ่งในทางกฎหมายหากผู้ขายมีส่วนรู้เห็นและโฆษณาเชิญชวนให้ผู้ซื้อสินค้าไป กระทำผิดจะมีความผิดร่วมด้วยกับผู้ต้องหาในฐานะมีส่วนรู้เห็น โทษสูงสุดตาม พ.ร.บ.ควบคุมคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตจำคุก 5 ปี”

ที่ผ่านมา การเอาผิดผู้กระทำผิดทางกฎหมายมักมีโทษน้อย เนื่องจากผู้เสียหายไม่กล้าเข้ามาแจ้งความเพราะกลัวอับอายทำให้ผู้กระทำ ผิดหลายรายยังกลับไปทำผิดใหม่อีก ดังนั้นจึงอยาก ให้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความผู้กระทำผิดเพื่อให้เข็ดหลาบ ซึ่งสามารถฟ้องทั้งคดีแพ่งและอาญา

นอกจากนี้ พื้นที่เสี่ยงส่วนใหญ่เป็นพื้นที่สาธารณะที่สาว ๆ ควรระวังตัวด้วยการแต่งตัวให้มิดชิด หรือหากต้องทำกิจกรรมส่วนตัวต่าง ๆ ก็ควรสังเกตสิ่งรอบข้างต้องสงสัย ซึ่งหากไม่แน่ใจควรหยิบมาดูเพื่อตรวจสอบว่า สิ่งเหล่านั้นมีกล้องแอบซ่อนอยู่หรือไม่ ขณะที่พื้นที่ส่วนตัว เช่น โรงแรมและห้องเช่าราคาถูก หรือสถานที่ต่าง ๆ ที่อยู่ในเกรดต่ำ ผู้ใช้งานควรระวังตรวจสอบห้องในตำแหน่งที่สามารถมองเห็นบนเตียงหรือโต๊ะ เครื่องแป้ง รวมทั้งห้องน้ำ เพราะเป็น จุดล่อแหลมที่มิจฉาชีพมักซ่อนกล้อง โดยเฉพาะแจกันดอกไม้ที่วางบนทีวีซึ่งเป็นอีกจุดที่คนร้ายสามารถมองเห็นภาพ ของเหยื่อบนเตียงได้ชัดเจน

“การแอบถ่าย ในพื้นที่จุดล่อแหลม เช่น ห้องพัก ต่าง ๆ จะได้รับความนิยมมากขึ้นจากนักแอบถ่าย เพราะเขาสามารถมองเห็นการกระทำตลอดเวลาของเหยื่อ ซึ่งพวกที่ทำเป็นขบวนการส่วนใหญ่ตอนนี้นิยมทำแบบนี้อยู่มาก ผู้ที่ใช้บริการควรเพิ่มความระวังในจุดนี้ เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเอง”

พ.ต.ท.ปัญญา มองแนวทางแก้ปัญหาว่า ต้องพยายามตัดกระบวนการที่เป็นตัวกลางอย่างเว็บไซต์ที่เปิดให้โหลดคลิปเหล่า นี้ เพราะเมื่อเว็บไซต์ให้บริการลดลง กลุ่มคนที่แอบถ่ายก็จะไม่มีเนื้อที่ในการเผยแพร่

ด้วยเทคโนโลยี ที่สะดวกสบายในการใช้งาน บางครั้งกลับเป็นอันตราย หากผู้ซื้อนำมาใช้ผิดวิธี.

สำรวจสถิติเว็บโป๊ออนไลน์

จาก การหาข้อมูลสถิติการเข้าชมเว็บไซต์ที่มีความล่อแหลมทางเพศ 2 เว็บไซต์ที่มีการรวบรวมสถิติของผู้เข้าชมพบว่า หัวข้อที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือ คลิปแอบถ่าย ที่มีผู้เข้าไปดาวน์โหลดมากสุดถึงหลักแสน รองลงมาเป็น ภาพโป๊ มีผู้เข้าไปชมมากสุดกว่าหมื่นคน ส่วนการ์ตูนโป๊ ก็มีผู้เข้าชมหลายหมื่นคน เป็น ที่น่าสังเกตว่า ภาพหลุดดารา กำลังเป็นที่สนใจของนักท่องเว็บ

หัวข้อที่มีผู้เข้าชมสูงสุดของ 2 เว็บไซต์ ออกไปในทำนองเดียวกัน ซึ่งจำนวนผู้เข้าชมแตกต่างกันตามความนิยมของเว็บไซต์ แต่ยังมีเว็บไซต์อีกหลายแห่งที่ยังเปิดให้โหลดอย่างโจ่งครึ่ม นอกจากนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า การ์ตูนและคลิปที่เป็นของกลุ่มรักร่วมเพศก็ได้รับความนิยมอย่างสูงจากผู้ เข้าชมเช่นกัน

ขณะเดียวกันหากย้อนหลังสถิติผู้เข้าชมที่สมัคร เป็นสมาชิกเว็บไซต์ดังกล่าวย้อนหลัง 5 เดือน พบว่า ทั้งสองเว็บมีสถิติต่างกันมาก เพราะเว็บไซต์หนึ่งมีผู้สมัครไม่ต่ำกว่าพันคนในแต่ละเดือน ส่วนอีกเว็บไซต์มีผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกใหม่มากสุดกว่าพันคน แต่บางเดือนก็อยู่ในหลักร้อย

มาแล้ว!!!โน้ตบุ๊ก 3D "มัลติทัช" Win 7

รายงานข่าววันนี้ เอเซอร์ (Acer) ประกาศเปิดตัวโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ออกมา 2 รุ่นด้วยกัน โดยมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 7 ซึ่งได้แก่ Aspire 5738PG จะเป็นโน้ตบุ๊กรุ่นแรกที่มาพร้อมกับการแสดงผล 3D บนหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 15.6 นิ้ว และ Aspire Timeline AS1810TZ หน้าจอขนาด 11.6 นิ้วที่ให้สัมผัสบางเบาน่าใช้เหมือนเดิม


Aspire 5738PG เป็นโน้ตบุ๊กรุ่นแรกของโลกที่สามารถแสดงผล 3D สำหรับการเล่นเกมส์ หรือชมภาพยนต์ โดยมาพร้อมกับแว่นตาพิเศษที่ใช้งานร่วมกัน นอกจากนี้มันทำงานด้วยระบบหน้าจอสัมผัสอีกต่างหาก รองรับการทำงานแบบ"มัลติทัช" ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้สองนิ้วในการควบคุมการทำงานของอินเตอร์เฟซบนหน้าจอได้ เรียกได้ว่า สอดรับกับความสามารถของ Windows 7 ได้อย่างลงตัวทั้งสเป็ก และคุณสมบัติการทำงาน
Acer Aspire AS5738PG-6306 โน้ตบุ๊กหน้า"จอมัลติทัช"

จอ มัลติทัช HD CineCrystal LED ขนาด 15.6 นิ้ว (16:9, 1366x768)
Windows 7 Home Premium 64-bit
Intel Core 2 Duo Processor T6600 (2.2GHz, 2MB L2 Cache, 800MHz FSB)
การ์ดกราฟิกเป็น ATI Radeon HD 4570 หน่วยความจำ 512MB
หน่วยความจำ DDR2 667MHz ขนาด 4GB (Dual Channel Memory)
ฮาร์ดดิสก์ SATA 320GB
8X DVD-Super Multi Double-Layer Drive
แป้นพิมพ์หมาย เลขโดยเฉพาะ (ไม่ผสมอยู่กับคีย์อื่นๆ)
ลำโพงสเตอริโอเสียงรอบทิศด้วย Dolby 10
HDMI 1 พอร์ต และ USB 2.0 4 พอร์ต
น้ำหนักเครื่อง 6.16 ปอนด์ (ประมาณ 2.8 กิโลกรัม)
$799.99 (ประมาณ 29,000 บาท)
ส่วน Aspire Timeline AS1810TZ ขนาดหน้าจอ 11 นิ้ว ทำให้มันดูเหมือนเน็ตบุ๊ก แต่ความจริงมันเป็นโน้ตบุ๊กทีมีขนาดเล็กกว่า เพราะแทนที่จะใช้ซีพียูเป็น Intel Atom รุ่นนี้จะมาพร้อมกับ Dual-Core Intel SU7300 ซึ่งยังคงคอนเซปต์บางเฉียบ และมีน้ำหนักเบาเหมือนเดิม เพียงแต่ออกมาในขนาดเล็กแบบ"เน็ตบุ๊ก"เท่านั้น โน้ตบุ๊กทั้งสองรุ่นนี้มีกำหนดการวางตลาดตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาคม ซึ่งก็คือ วันที่ระบบปฏิบัติการ Windows 7 เปิดตัวนั่นเอง สำหรับรายละเอียดของทั้งสองรุ่นมีดังนี้

Acer Aspire Timeline AS1810T-8679
Intel Core 2 Duo Processor SU7300 (1.3GHz, 3MB L2 cache, 800MHz FSB)
Windows 7 Home Premium 64-bit
จอแอลอีดี HD Widescreen (16:9, 1366x768)
ชิปเซ็ต Mobile Intel GS45
หน่วยความจำ DDR2 4GB (Dual-Channel 667MHz)
ฮาร์ดดิสก์ SATA 320GB (5400RPM)
Intel WiFi Link 1000 802.11b/g/Draft-N WiFi
Bluetooth 2.1+EDR
HDMI 1 พอร์ต, USB 2.0 3 พอร์ต
ทัชแพดสนับสนุน Multi-Gesture
น้ำหนัก 3.08 ปอนด์ (1.4 กิโลกรัม)
$599.99 (ประมาณ 22,000 บาท)
สนับสนุนโดย: COMMART COMTECH 2009 งานแสดงมหกรรมคอมพิวเตอร์ระดับประเทศ จัดขึ้นวันที่ 5 - 8 พฤศจิกายน 2552 ณ. ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

เพิ่มประสิทธิภาพให้ฮาร์ดดิสก์ SATA

ใช้ฮาร์ดดิสก์แบบ SATA หรือเปล่า ? ถ้าใช่... ก็สามารถรีดประสิทธิภาพความเร็ว ของการทำงานได้เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย โดยความเร็วที่เพิ่มขึ้นของฮาร์ดดิสก์มาจากการเปิดการทำงานของ write caching ซึ่งมันจะทำให้ข้อมูลที่ต้องการบันทึกลงบนฮาร์ดดิสก์ถูกบันทึกลงบนหน่วยความจำแคชที่มีความเร็วมากกว่า ก่อนที่จะเขียนลงฮาร์ดดิสก์อีกทีหนึ่ง โดยหลังจากข้อมูลดังกล่าวถูกบันทึกลงแคชแล้ว มันก็จะแจ้งกลับไปยังระบบปฏิบัติการว่า เขียนข้อมูลเสร็จแล้ว เพื่อให้วิสต้าสามารถทำงานอื่นต่อไปได้ทันที

อย่างไรก็ตาม ไมโครซอฟท์แนะนำให้ใช้วิธีนี้กับคอมพิวเตอร์ที่มีระบบไฟสำรอง เนื่องจากมันเสี่ยงต่อการสูญหายของข้อมูล หากไฟดับในขณะที่ข้อมูลในแคชยังไม่ถูกเขียนลงบนฮาร์ดดิสก์ แต่ถ้าเป็นโน้ตบุ๊กก็หายห่วงเรื่องนี้ไป ยกเว้นแบตเตอรี่โน้ตบุ๊กจะหมดเสียก่อน

สำหรับวิธีเพิ่มความเร็วให้ กับการทำงานของฮาร์ดดิสก์ SATA มีดังนี้

- คลิ้กปุ่ม Start เลือก Control Panel คลิ้ก System and Maintenance แล้วเลือก Device Manager
- คลิ้กเครื่องหมายบวกหน้ารายการ Disk Drives
- คลิ้กขวาบนไอคอนฮาร์ดดิสก์ SATA เลือก Properties
- คลิ้กแท็บ Policies สังเกตในกรอบ Write Cachine and Safe Removal เลือกเช็กบ็อกซ์หน้าหัวข้อ Enable advanced performance
- คลิ้กปุ่ม OK แล้วปิดหน้าต่าง Device Manager

เพียงแค่นี้ ประสิทธิภาพการทำงานของระบบก็จะเร็วขึ้นอีกระดับหนึ่งแล้ว

System Restore คืออะไร

System Restore คืออะไร

คือเครื่องมือของ Windows ตัวหนึ่งที่ใช้สำหรับการย้อนเวลาก่อนที่ระบบ Windows จะเสียหาย หรือใช้งานไม่ได้ ซึ่งชื่อก็บอกแล้วว่า "System" Restore คือเป็นการย้อนเวลากลับมายังในตำแหน่งเดิมที่เรายังเคยใช้งาน Windows ได้ปกติ ซึ่งการทำงานของ System Restore จะทำการบันทึกจุดหรือตำแหน่งที่ Windows ที่ได้มีการสั่งบันทึกไว้ โดย Windows จะมีการกันพื้นที่ของ hard disk เก็บเอาไว้
วิธีตรวจสอบ System Restore ว่าทำงานหรือไม่

1. คลิกขวาที่ My Computer เลือก Properties
2. คลิกเลือกแท็ป System Restore
3. ดูหัวข้อ "Turn off System Restore on all drives" ถ้ามีการคลิกเลือก แสดงว่า System Restore ทำงานอยู่

วิธี ใช้งาน System Restore

1. คลิกปุ่ม Start เลือก All Programs
2. คลิกเลือก Accessories
3. คลิกเลือก System Tools
4. คลิกเลือก System Restore (ถ้าไม่เปิดใช้ จะไม่สามารถเข้าเมนูนี้ได้)
5. จะมี 2 หัวข้อให้เลือก คือ
* Restore my computer to an earlier time - ใช้สำหรับการย้อนเวลา
* Create a restore point - ใช้สำหรับการสำรองระบบ
6. เลือกหัวข้อ Create a restore point (เรากำลังบันทึก System)
7. คลิก Next และตั้งชื่ออะไรก็ได้ แต่เราควรตั้งชื่อให้สอดคล้องกับงาน หรือสิ่งที่เรากำลังจะทำต่อ
8. จากนั้นคลิกปุ่ม Create
9. รอสักครู่ ก็เป็นอันสำรองระบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ถ้าต้องการ Restore ก็สามารถเลือกหัวข้อ Restore my computer to an earlier time แทนคำว่า Create a restore point เท่านั้นเอง

มี System Restore ดีหรือร้าย

ปัญหา อย่างหนึ่งที่พบจาก System Resotre คือ เรื่องของไวรัส ที่มักแอบแผงไปกับการสำรองระบบด้วย ทำให้เวลาเราแก้ไขปัญหา Windows จึงไม่สามารถแก้ไขปัญหาไวรัสให้หมดสิ้นได้ ดังนั้น คนไอทีส่วนใหญ่จึงแนะนำให้ปิดระบบ System Restore นี้ด้วยเสมอ (คงต้องพิจารณากันเองน่ะครับว่า จะใช้หรือไม่ใช้ดี ส่วนผมขอปิดดีกว่า)

แฮคเกอร์จีนใช้ช่องโหว่ IE โจมตี Google

ข่าวคราวแฮคเกอร์ในจีนโจมตีเว็บไซต์กูเกิ้ล (Google) และบริษัทต่างๆ ในสหรัฐฯ ดูท่าจะไม่จบเอาง่ายๆ โดยเฉพาะประเด็นของนโยบายการกลั่นกรองเว็บไซต์ของจีนที่มีเงื่อนไขมากมาย ในขณะเดียวกันเป้าหมายของแฮคเกอร์คือ ต้องการเข้าไปล้วงความลับในอีเมล์ (Gmail) ของนักเรียกร้องสิทธิมนุษยชน จนเลยเถิดไปยังบริษัทต่างๆ ที่โดนหางเลขเข้าไปด้วย เหตุการณ์ครั้งนี้ลุกลามจนในทีสุดกูเกิ้ลอาจตัดสินใจปิดการให้บริการในจีนก็ ได้

ประเด็นทางด้านเทคนิคทีแฮคเกอร์ใช้ในการโจมตีครั้งนี้ก็เป็นข่าวที่ต้อง ติดตามกันวันต่อวันเช่นเดียวกัน ซึ่งก่อนหน้านี้มีการระบุถึงช่องโหว่ใน โปรแกรม Adobe Reader และ Acrobat ที่ทำให้แฮคเกอร์สามารถแทรกโค้ดโทรจันเข้่าไปได้ ล่าสุดไมโครซอฟท์ (Microsoft) ออกมายอมรับว่า ช่องโหว่ใน IE 6, 7 และ 8 ก็ถูกแฮคเกอร์นำไปใช้ในการโจมตีครั้งนี้ด้วย

โดยข้อความในประกาศของ ไมโครซอฟท์ระบุว่า ทางบริษัทกำลังประสานงานกับทางกูเกิ้ล และพาร์ทเนอร์ตลอดจนผู้เกี่ยวข้อง เพื่ออุดช่องโหว่ที่เปิดโอกาสให้ผู้ บุกรุกสามารถเข้าควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์ได้ เพียงแค่เป้าหมายที่ตก เป็นเหยื่อคลิกบนลิงค์ในอีเมล์ หรือ IM เมื่อผู้ใช้ดาวน์โหลด และติดตั้งโค้ดอันตรายเข้าไปแล้ว มัลแวร์จะเปิดช่องทางให้ผู้บุกรุกสามารถควบคุมระบบคอมพิวเตอร์ของเหยื่อ เพื่อทำการใดๆ ก็ได้ ประเด็นที่น่าสนใจคือ ไมโครซอฟท์ประกาศเรื่องนี้หลังจากที่มีการเปิดเผยโดยบริษัทแมคอาฟี่

อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่รอแพตข์ ไมโครซอฟท์แนะนำให้ ผู้ใช้ Windows 7 และ Vista ตั้งค่าโหมดการทำงานเป็น "Protected mode" ด้วยการเปิดการทำงานของ Data Execution Prevention เพื่อลดความเสี่ยงต่อการตกเป็นเหยือของแฮคเกอร์ โดยให้ผู้ใช้ IE ตั้งค่า security zone สำหรับ Internet และ Intranet เป็น "high" ซึ่งจะมีการแสดงหน้าป๊อปอัพขึ้นมาแจ้งก่อนที่จะมีการรัน ActiveX control และ Active Scripting หรือจะปิด (disable) การทำงานของ Active Scripting ไปเลยก็ได้

อยากเปลี่ยนพาร์ทิชัน FAT32 เป็น NTFS จะทำอย่างไร

การรูปแบบพาร์ทิชันสามารถทำโดยง่าย เริ่มแรกการ convert กับตัววินโดวส์เอง
- โดยเริ่มการเรียกเมนู Run จาก Startup
- ใส่คำสัง CONVERT C: /FS:NTFS (C: เป็นไดรฟ์ที่ต้องการเปลี่ยน)
- จากนั้นกด Y เพื่อยืนยันการทำงาน


อีกวิธีอาจจะใช้โปรแกรมเข้ามาช่วยคือ PartitionMegic ก็ได้เป็น wizard ใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน

รู้จักกับไวรัส win32.crypt

สำหรับ win32.crypt เป็นส่วนหนึ่งของไวรัสที่เรียกกันว่าโทรจัน ซึ่งมีรูปแบบค่อนข้างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Trojan Downloader หรือ Trojan.win32.crypt ลักษณะการทำงานก็คือ จะเข้าไปติดตั้งตัวเองลงในระบบและเข้าไปเปลี่ยนไฟล์ System บางส่วน โดยเฉพาะไฟล์ส่วนตัวเช่นชื่อเครื่องและข้อมูลต่างๆ ส่งผลให้เปิดช่องโหว่ในระบบความปลอดภัยได้ง่าย ทางแก้ไขทำได้ทั้งดาวน์โหลด Removable จากค่ายผู้พัฒนาแอนติไวรัสค่ายต่างๆ หรือจะเลือกลบไฟล์ TrojanDownload

HKEY_CURRENT_USER\software\microsoft\windows\currentversion\run\sysdpt และ HKEY_LOCAL_MACHINE\software\microsoft\windows\currentversion\run\sysdpt

กาแฟหกลง"โน้ตบุ๊ก"ทำไง?

ความจริงกับแค่การที่กาแฟหกรดลงไปบนคีย์บอร์ดของโน้ตบุ๊ก ไม่น่าจะถึงกับต้องซ่อมเครื่องเลยนะครับ อย่างไรก็ตาม หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับใครก็ตาม ผมมีคำแนะนำ หรือข้อปฎิบัติง่ายๆ มาฝาก เพราะการแก้ปัญหาอย่างทันท่วงทีจะทำให้โน้ตบุ๊กของคุณปลอดภัย และอาจจะไม่ต้องถึงมือหมอ(ช่างซ่อม)แต่อย่างใด


ขั้นแรกให้รีบปิดสวิทช์เครื่องทันที (ปกติจะใช้วิธีกดปุ่ม Power ค้างไว้ 4 วินาที) อย่าพยายามชัตดาวน์ เพราะมันช้าเกินไป จากนั้นถอดปลั๊กไฟ และปลอดแบตเตอรี่ รวมถึงอุปกร์ต่อพ่วงต่างๆ ออกมาให้หมด เพื่อป้องกันไม่ให้กาแฟ หรือของเหลวไหลเข้าไปในคอมพิวเตอร์ ให้คว่ำหน้าเครื่อง และพยายามให้กาแฟไหลออกมาจากคีย์ให้มากที่สุด (โน้ตบุ๊กบางรุ่นอย่าง ThinkPad ของ Lenono จะออกแบบให้ป้องกันน้ำ หรือของเหลวไหลเข้าไป พร้อมทั้งมีช่องทางคล้ายๆ กับรางน้ำให้ของเหลวไหลออกจากคีย์บอร์ดได้โดยง่ายอีกด้วย) ใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดแล้วบีบหมาดๆ แล้วซับเบาๆ เพราะถ้าเป็นกาแฟที่มีนม และน้ำตาล หรือเป็นน้ำส้มด้วยแล้วล่ะก็ ยิ่งต้องทำความสะอาดให้ได้มากที่สุด เพราะไม่งั้นมันจะเหนียวหนึบ คีย์บอร์ดของโน้ตบุ๊กบางรุ่นสามารถถอดปุ่มขึ้นมาได้ ยังไงก็ลองศึกษาดูจากคู่มือก่อนนะครับ
หลังจากทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ปล่อยทิ้งไว้สัก 24 ชั่วโมง เพื่อให้มันแห้งสนิท อย่างไรก็ตาม การทำความสะอาดเพียงอย่างเดียว ไม่ใช่เป็นการรับประกันได้ว่า โน้ตบุ๊กของคุณจะปลอดภัย 100% เสียทีเดียว แต่มันเป็นสิ่งแรกที่ควรทำ เพราะโอกาสที่เมื่อเปิดเครื่องขึ้นมาแล้วสามารถใช้งานได้เหมือนเดิม โดยไม่ต้องยกไปซ่อมมีสูงถึง 90% เลยทีเดียว สำหรับผู้สนใจต้องการทราบขั้นตอนการแก้ปัญหานี้โดยละเอียดสามารถหาอ่านได้ใน WikiHow ครับ