การแชร์ Internet ADSL ด้วย ICS

ในยุคสมัยนี้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงหรือ ADSL หลายคนต้องมีใช้งานในบ้านกันอยู่แล้ว แต่ด้วยข้อจำกัดในเรื่องของจำนวนรหัสผ่านมีเพียงชุดเดียว แต่ว่าภายในบ้านมีเครื่องคอมพ์มากกว่า 1 เครื่อง ที่ต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตพร้อมๆ กัน นอกเหนือจากการใช้งานเครือข่ายไร้สายแล้ว ผมก็มีวิธีการตั้งค่าแชร์อินเทอร์เน็ต ADSL แบบง่ายๆ มาให้ลองใช้งานกันดูกัน ตามมากันเลย
อันดับแรกก็คงต้องทำให้เครื่องให้สามารถออกอินเทอร์เน็ตได้ก่อน โดยเครื่องนี้ สิ่งที่จำเป็นต้องมีก็คือโมเด็มเอาไว้สำหรับต่ออินเทอร์เน็ต โดยตัวเครื่องต้องมีระบบเน็ตเวิร์กติดตั้งเอาให้เรียบร้อยก่อน สิ่งที่ต้องทำต่อจากนี้ก็คือการแชร์ ICS ซึ่งเป็นฟังก์ชันมาตรฐานสำหรับวินโดวส์เอ็กซ์พีให้ทำงานขึ้นมา ขั้นตอนแรกก็ง่ายๆ ครับ ก่อนอื่นให้เซตอัพการ์ดเน็ตเวิร์กในเครื่องแรกให้มีการเซตอัพค่าหมายเลข IP ก่อน โดยการทำขั้นตอนดังนี้
1. เริ่มแรกคลิกที่ปุ่มสตาร์ต เลือกที่ Control Panelจากนั้นให้เลือกที่ Network Connections
2. คลิกเมาส์ปุ่มขวาที่ Local Area Connection เลือกที่ Properties แล้วก็จะปรากฏหน้าต่าง Properties ของเน็ตเวิร์กขึ้นมา
3. ให้กำหนดค่าของหมายเลขไอพีให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่จะออกอินเทอร์เน็ต โดยให้เลือกที่ TCP/IP จากนั้นคลิกที่ปุ่ม Properties เพื่อเตรียมกำหนดค่า IP Address โดยเมื่อหน้าต่าง TCP/IP Properties
4. จากนั้นกำหนดหมายเลข IP ให้กับเครื่องเป็น 192.168.0.1 เพื่อกำหนดให้เป็นเครื่องแรก จากนั้นป้อนค่า Subnet Mark โดยให้มีค่าเป็น 255.255.255.0
5. จากนั้นไปกำหนดการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ซึ่งในที่นี้เราใช้การ Dial up ออกสู่อินเทอร์เน็ต ดังนั้นควรจะติดตั้งโมเด็มและสร้าง Connection สำหรับโมเด็มให้เรียบร้อยก่อนที่เข้าสู่การแชร์อินเทอร์เน็ตวิธีการแชร์อินเทอร์เน็ต
1. เริ่มต้นคลิกที่ปุ่มสตาร์ต จากนั้นเลือก Control Panel แล้วเลือกที่ Network Connection เช่นเดิม
2. ต่อมาให้คลิกขวาที่ไอคอนของไดอัลอัพที่เราจะใช้โมเด็มหมุนออกอินเทอร์เน็ตต่อไปและเลือกที่ Properties
3. จากนั้นให้เลือกที่แท็บ Advanced เพื่อกำหนดการแชร์อินเทอร์เน็ต จะเห็นหน้าต่างของการแชร์อินเทอร์เน็ตขึ้น โดยจะอยู่ในกรอบ Internet Connection Sharing ที่นี้ก็ให้เราคลิกเช็กบ็อกซ์เลือกที่ "Allow other network users to connect through this computer's internet connection" ซึ่งก็จะปรากฏหัวข้ออีกสองอันขึ้นมา "Establish a dial-up connection whenever a computer on my network attempts to access the internet" "หัวข้อนี้จะหมายความว่า จะยอมให้คอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ที่ต่ออยู่กับเน็ตเวิร์กนั้น สามารถไดอัลอัพโมเด็มที่อยู่ในเครื่องหลัก เพื่อออกสู่อินเทอร์เน็ตได้ หากว่าต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตหรือไม่ หากต้องการให้ต้องไดอัลผ่านคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ได้ ก็ให้เช็กบ็อกซ์ที่อยู่ด้านหน้า หรือหากไม่ต้องการก็ให้เอาออกไป
"Allow other network users to control or disable the shared internet connection" หมายถึงว่าให้ผู้ใช้บนเครื่องอื่นๆ นั้น สามารถควบคุมหรือยกเลิกการแชร์อินเทอร์เน็ตในเครื่องหลักได้หรือเปล่า ซึ่งหากไม่ต้องการก็ให้เอาออกไปเช่นเดียวกัน โดยตามปกตินั้น ให้เราเอาหัวข้อทั้งสองออก โดยไม่ต้องไปเช็กบ็อกซ์ นั่นเอง
หลังจากนี้ก็ให้ปิดหน้าต่างทุกหน้าต่างลง เท่านี้การเซตอัพเครื่องสำหรับเตรียมให้บริการแชร์อินเทอร์เน็ตเสร็จเรียบร้อยแล้วขั้นตอนการเซตอัพเครื่องในระบบเครือข่าย
หลังจากที่เซตอัพเครื่องหลักเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องมาถึงการเซตอัพเครื่องลูกข่ายเพื่อให้ใช้อินเทอร์เน็ตที่แชร์เอาไว้บ้างล่ะครับ ซึ่งก็เรียกว่าไม่แตกต่างไปจากการเซตอัพเครื่องหลักมากนัก โดยเราจะเน้นกันที่การเซตอัพเน็ตเวิร์กเป็นหลักซึ่งสิ่งที่ต้องการสำหรับเครื่องลูกนี้ก็คือการ์ดเน็ตเวิร์กที่เซตอัพเรียบร้อยสามารถทำงานได้เท่านั้น โดยเครื่องนี้เราไม่ต้องมีโมเด็มก็ได้ เพราะไม่จำเป็นแล้ว
เริ่มต้นด้วยการกำหนดหมายเลขไอพี สำหรับเครื่องที่ 2 โดยทำขั้นตอนเหมือนกับการเซตอัพเครื่องเซิร์ฟเวอร์ แต่เปลี่ยนหมายเลขไอพีให้เป็น 192.168.0.2 แทน โดยกำหนดให้หมายเลข 2 ตัวสุดท้ายที่เปลี่ยนแปลงนั้นหมายถึงเลข IP ประจำเครื่องที่ 2 และหากมีเครื่องมากกว่านี้ ก็ให้กำหนดเพิ่มขึ้นไป เช่น 3, 4, 5 ... นั่นเอง
หลังจากที่เรากำหนดหมายเลขไอพีเรียบร้อยแล้ว ก็ลองเช็กดูว่าเครื่องที่ใช้อยู่นั้น มีหมายเลข IP ตามที่กำหนดหรือไม่ โดยการคลิกที่ปุ่มสตาร์ต จากนั้นเลือกที่ RUN แล้ว พิมพ์คำว่า Command ลงไป ให้ลองตรวจสอบหมายเลขไอพี โดยพิมพ์คำว่า "IPCONFIG" ลงไปที่คอมมานพรอมต์ ซึ่งหากไม่มีอะไรผิดพลาด ก็จะปรากฏหมายเลข IP พร้อมกับหมายเลข Subnet Mark
ที่นี้ลองตรวจสอบดูว่าเครื่องที่เราเซตอัพอยู่นี้ สามารถมองเห็นเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่ต้องการแชร์อินเทอร์เน็ตหรือไม่ โดยการใช้คำสั่ง PING ไปที่ เครื่องหลัก โดยสั่งว่า PING 192.168.0.1 ที่คอมมานพรอมต์ เพื่อตรวจสอบแพ็กเกจข้อมูล เมื่อเครื่องลูกสามารถมองเห็นเครื่องแม่แล้ว
ทีนี้เราก็เหลือขั้นตอนการเซตอัพอยู่อีกขั้นตอนเดียวก็คือการเซตอัพคอนฟิกในIE เพื่อให้ตรวจสอบ Proxy โดยอัตโนมัติ ซึ่งขั้นตอนก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากเช่นเดียวกัน ขั้นตอนแรกก็เรียก IE ขึ้นมา และให้คลิกที่เมนู Tools และเลือกที่ Internet Options...
จากนั้นให้คลิกที่แท็บ Connections แล้วคลิกที่ปุ่ม LAN Settings ซึ่งอยู่ในส่วนของ Local Area Network (LANs) Settings ให้คลิกเช็กบ็อกซ์ "Automatically detect setting" เพื่อกำหนดให้ตรวจสอบ Proxy Server โดยอัตโนมัติ
หลังจากนี้ก็ให้คลิกที่ปุ่ม OK และออกจากการเซตอัพ Internet Options นี้ ซึ่งเท่านี้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มากกว่าสองเครื่องในบ้านคุณ ก็พร้อมจะใช้งานอินเทอร์เน็ตได้โดยใช้แอ็กเคานต์และคู่สายโทรศัพท์เพียงคู่เดียว บนวินโดวส์เอ็กซ์พีแล้ว

USB 3.0 จะมาในไม่ช้า

เจ้าโลกอย่างอินเทลกำลังซุ่มปั้นมาตรฐาน USB 3.0 เพื่อรองรับโลกในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า บอกใบ้ได้เลยว่า เร็วกว่าเดิม 10 เท่า แถมกินไฟน้อยกว่าอีกต่างหาก
คงไม่มีมนุษย์คอมพิวเตอร์คนไหนไม่รู้จักอักษร 3 ตัวนี้ U S B มันคือผู้ยิ่งใหญ่ คือมาตรฐานในแง่ของการเชื่อมต่ออุปกรณ์รอบข้างทั้งหลาย แต่แล้วไม่นานก็กลับมีมาตรฐานใหม่ที่ชื่อ FireWire 800 โผล่ขึ้นมา ซึ่งแม้จะยังมีอุปกรณ์จำนวนเพียงหยิบมือเดียวที่รองรับ แต่มันก็ทำให้ USB ไม่สามารถคุยโวในแง่ความเร็วได้อีกต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่สามารถพ่วงคำว่า “ที่สุด” เข้าไปด้วยได้แล้ว
และนี่เองที่เป็นที่มาของยุคที่ 3 ของ USB สงครามเกทับที่คงไม่มีวันจบสิ้น อินเทลเริ่มตีปี๊บมาตรฐานใหม่ ด้วยการจัดตั้ง SuperSpeed USB Promotions Group เพื่อเป็นเครื่องรับประกันว่ามาตรฐานใหม่นี้จะเป็นที่แพร่หลายในหมู่อุปกรณ์ต่อพ่วงไปอีกอย่างน้อย 5 ปี
หัวใจสำคัญในการออกมาตรฐานใหม่ ก็คือเรื่อง Backward Compatible ซึ่งแน่นอนว่าเจ้า 3.0 ก็ย่อมต้องไม่พลาดแน่ๆ มันรองรับการทำงานกับ USB 2.0 หรือแม้แต่ 1.1 พูดในแง่ความเร็ว SuperSpeed USB จะรองรับอัตราการรับส่งข้อมูลที่ระดับสิบเท่าของ 2.0 เดิม คือเพิ่มจาก 480 Mbps กลายเป็น 4.8 Gbps ในขณะเดียวกันกลับบริโภคพลังงานน้อยลง นั่นก็หมายความว่า การก๊อบปี้หนังขนาด 27 GB เข้าไปในอุปกรณ์พกพา จะใช้เวลาเพียง 70 วินาทีเท่านั้น จากเดิมที่ต้องใช้ถึง 15 นาที
ในแง่ของพลังงานแล้วก็จะประหยัดขึ้น เพราะมีการออกแบบกลไกในการสื่อสารใหม่ คอมพิวเตอร์หรือโฮสต์จะถามอุปกรณ์เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ว่ามีข้อมูลจะส่งเพิ่มหรือเปล่า จากนั้นก็จะไม่ถามอีกแล้ว เทียบกับแบบเดิมที่คอมพิวเตอร์จะถามอย่างไม่หยุดยั้งเป็นช่วงๆ และเมื่ออุปกรณ์มีข้อมูลใหม่จะส่ง ตัวอุปกรณ์เองนั่นแหละจะเป็นผู้แจ้งให้คอมพิวเตอร์ทราบ ซึ่งการออกแบบลักษณะนี้ก็น่าจะลดการกินไฟไปได้เยอะมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวะที่ไม่มีการส่งข้อมูลกัน (idle) นอกจากนั้นระบบจัดการพลังงานของ USB 3.0 ยังสามารถจัดการกับการบริโภคพลังงานได้ในลักษณะแยกแต่ละลิงก์จากกัน ดังนั้นก็ยิ่งประหยัดไปได้อีกระดับ
อีกประเด็นที่ USB ตัวใหม่อยากจะแก้สิ่งผิดพลาดในอดีตก็คือเรื่อง Virtualization ทาง Promotion Group ต้องการออกแบบให้แน่ใจว่า ซอฟต์แวร์หรือแอพพลิเคชันในระบบ Virtual Machine สามารถเข้ามาใช้งานอุปกรณ์ USB 3.0 ได้โดยไม่ต้องมีซอฟต์แวร์ตัวกลางมาช่วย
ประเด็นสุดท้ายที่น่าสนใจคือเรื่องไดรเวอร์ของอุปกรณ์เก็บข้อมูล ปัจจุบันไดรเวอร์อุปกรณ์เก็บข้อมูลของ USB 2.0 นั้นรองรับความเร็วในการสื่อสารสูงสุดแค่ที่ 32 Mbps ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการออกแบบโมเดลของไดรเวอร์ใหม่ ซึ่งแม้ว่าจริงๆ แล้ว เรื่องไดรเวอร์ของฮาร์ดดิสก์จะเป็นประเด็นที่อยู่นอกขอบข่ายการออกมาตรฐาน USB แต่ทางกลุ่มทำงานก็อยากจะประสานงานไปทางกลุ่มผู้สร้างไดรเวอร์ฮาร์ดดิสก์ด้วย เพื่อให้มาตรฐาน USB ถูกใช้ประโยชน์เต็มประสิทธิภาพ
ร่างมาตรฐานสุดท้ายของ USB 3.0 คาดว่าจะสำเร็จได้ราวกลางปี 2008 และเราน่าจะได้เริ่มเห็นอุปกรณ์ออกสู่ตลาดช่วงต้นปี 2009

Win 7 รุ่นแฟลชไดรฟ์ใช้อัพเกรดเน็ตบุ๊ก

เป็นข่าวอีกแล้ว สำหรับกรณีที่มีรายงานออกมาว่า ไมโครซอฟท์สนใจการเติบโตของตลาดเน็ตบุ๊กจนถึงขั้นพยายามคิดหาวิธีขายอัพเกรดซอฟต์แวร์ Windows 7 ให้กับเครื่องพวกนี้ด้วย แต่ปัญหาคือ เน็ตบุ๊กส่วนใหญ่จะไม่มีออปติคัลไดรฟ์ ซึ่งแหล่งข่าววงในเปิดเผยกับทาง CNET ว่า ไมโครซอฟท์กำลังจะเสนอ Windows 7 เวอร์ชันยูเอสบีแฟลชไดรฟ์สำหรับพเกรดโอเอสให้กับเน็ตบุ๊ก
ข่าวดังกล่าวมีข้อถกเถียงถึงความเป็นไปได้อยู่พอสมควร โดยเฉพาะวิธีป้องกันการก็อปปี้ ซึ่งนอกจากแนวทางการอัพเกรดเน็ตบุ๊กจาก Windows XP ไปเป็น Windows 7 ด้วยการจำหน่ายเป็นแฟลชไดรฟ์ยูเอสบีแล้ว ทางไมโครซอฟท์ยังให้ความสนใจกับวิธีเปิดเว็บไซต์ให้ดาวน์โหลดไฟล์ดิจิตอล ซึ่งผู้ใช้จะสามารถใช้สร้างแฟลชไดรฟ์ยูเอสบีที่บู๊ตเน็ตบุ๊ก เพื่อทำการติดตั้งระบบในชั้นตอนต่อไปได้
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความสับสนในไอเดียดังกล่าว ทางไมโครซอฟท์ยังไม่ได้มีการประกาศออกมาอย่างชัดเจนว่าจะทำอย่างไร แต่ยอมรับถึงความกังวลที่มีต่อการเติบโตของเน็ตบุ๊ก ซึ่งถ้าข่าวดังกล่าวเป็นเรื่องจริง Windows 7 จะเป็นระบบปฏิบัติการตัวแรกที่จำหน่ายในรูปแบบของแฟลชไดรฟ์ยูเอสบี สำหรับข้อสังเกตที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งก็คือ การจำหน่ายโอเอสไปพร้อมกับแฟลชไดรฟ์อาจทำให้ต้นทุนของ Windows 7 สูงขึ้น เนื่องจากมันต้องการพื้นที่อย่างน้อย 10GB และราคาของแฟลชไดรฟ์ยังแพงกว่าแผ่น DVD อีกด้วย รายงานบนเว็บไซต์ ars ระบุว่า ทางไมโครซอฟท์ได้ให้คำตอบในทำนองที่ว่า "ทางบริษัทไม่สามารถยืนยันข่าวลือที่ได้ยินนี้ (ว่าจริง หรือมั่ว?) ทำให้ยังไม่มีข้อมูลที่บอกเล่าได้"

เอเซอร์ ใช้มัลติแบรนด์เจาะกลุ่มลูกค้าไอที


หวังกระตุ้นยอดขาย เน้นเจาะกลุ่มลูกค้ามากขึ้น ยก “อี-แมชีนส์” จับตลาดล่างเน้นราคา ขณะที่เอเซอร์จะเป็นกลุ่มเทคโนโลโลยีและนวัตกรรม พร้อมทั้งเปิดแนวรบตลาดไฮเอนด์ ...นายนิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวถึงกลยุทธ์การทำตลาดของเอเซอร์ในช่วงครึ่งหลังปี 2552 ว่า ภาพรวมตลาดไอทีของประเทศไทยถือว่าผ่านจุดต่ำที่สุด คือ ไตรมาสที่ 4 ปี 2551 มาแล้ว โดยช่วงไตรมาสที่ 1 และ 2 ของปี 2552 ตลาดไอทีได้รับสัญญาณที่กำลังซื้อจะกลับมาอีกครั้ง แม้เชื่อว่ายอดขายในแง่จำนวนในตลาดรวมแล้วอาจจะตกลงไป 15-20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เนื่องจากความต้องการสินค้าไอทีไม่ลดลง และผู้บริโภคจะหันไปเลือกซื้อสินค้าที่มีราคาถูกกว่าเดิม เช่น เน็ตบุ๊คแทนโน้ตบุ๊ค อย่างไรก็ตามสำหรับเอเซอร์ยังต้องขยายตลาด และเพิ่มอัตราการเติบโตต่อไปผจก.อาวุโสฝ่ายการตลาด บ.เอเซอร์ฯ กล่าวว่า ในเมื่อตลาดคอนซูมเมอร์ และธุรกิจขนาดกลางและเล็ก หรือ เอสเอ็มอี ยังเป็นความหวังในตลาดไอทีเมืองไทย เอเซอร์จึงนำกลยุทธ์การทำตลาดมัลติเปิลแบรนด์มาใช้ โดยจากนี้ไปเอเซอร์จะมีสินค้าคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คทำตลาดใน 3 แบรนด์หลัก ได้แก่ อี-แมชีนส์ (e-Machines) ที่เน้นจับตลาดโน้ตบุ๊ค และเดสก์ท็อประดับล่างที่เน้นราคาคุ้มค่า ขณะที่ เอเซอร์ จะเน้นที่การเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ในกลุ่มเมนสตรีมพีซี และโน้ตบุ๊ค และ เกตเวย์ (GateWay) จะนำมาเจาะตลาดกลุ่มผู้ใช้งานระดับบน ที่เน้นการออกแบบ และ ความหรูหราสะท้อนความเป็นตัวตนในการใช้งาน นายนิธิพัทธ์ กล่าวต่อว่า เนื่องจากตลาดทราบดีว่าเอเซอร์ คือ แบรนด์ที่เน้นเทคโนโลยีใหม่ๆ ราคาสมเหตุสมผล แต่เมื่อเข้าสู่กลุ่มผู้ใช้ที่เน้นไลฟ์สไตล์ หรือกลุ่มที่ต้องการอารมณ์ในการตัดสินใจ กลับทำได้ไม่ดีเท่ากับคู่แข่งในตลาดบน แม้ว่าจะมีโน้ตบุ๊คเฟอร์รารีออกมา ก็เน้นไปที่กลุ่มผู้ใช้งานที่ชอบสเปคเครื่องแรงมากกว่า ดังนั้น เกตเวย์จึงเข้ามาทำตลาดนี้ได้เหมาะกว่าเอเซอร์ ด้วยการให้ผลิตภัณฑ์ที่ตรงใจ แต่เหนือกว่าความคาดหมายทั้งการออกแบบ และสเปคเครื่อง ส่วนตาดที่แข่งด้านราคาจะเป็นหน้าที่ของ อี-แมชีนส์ที่จะทำตลาด โดยหลังจากนี้โน้ตบุ๊คราคาระดับหมื่นปลายๆ ของเอเซอร์จะหายไป แล้วแทนด้วยผลิตภัณฑ์ของอี-แมชีนส์
ผจก.อาวุโสฝ่ายการตลาด บ.เอเซอร์ฯ กล่าวอีกว่า การทำการตลาดเกตเวย์ เอเซอร์ประเทศไทย ได้แยกทีมออกมาดูแลการทำตลาด เพื่อเน้นที่เกตเวย์โดยตรง ส่วนการซ่อม จะใช้ศูนย์บริการเอเซอร์ทั่วประเทศ เป็นตัวแทนศูนย์บริการที่ได้รับการแต่งตั้ง ทำให้ลูกค้ามั่นใจในคุณภาพและบริการหลังการขาย โดยตลาดกลุ่มนี้คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10% ของจำนวนเครื่องในตลาด จึงยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก ทั้งนี้ในระยะแรกเอเซอร์จะทำตลาดแบรนด์เกตเวย์ เน้นที่การสร้างแบรนด์ และความเชื่อมั่นในตลาดแก่ลูกค้าไปเรื่อยๆ จึงยังไม่หวังกำไรในปีแรกที่วางจำหน่าย ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ และโน้ตบุ๊คเกตเวย์ จะพร้อมวางจำหน่ายแบบเป็นทางการในวันที่ 23 มิ.ย.2552 นี้

HTML คืออะไร

HTML (ชื่อเต็มคือ Hypertext Markup Language ภาษามาร์กอัปข้อความหลายมิติ) คือภาษามาร์กอัปออกแบบมาเพื่อใช้ในการสร้างเว็บเพจ หรือข้อมูลอื่นที่เรียกดูผ่านทางเว็บเบราว์เซอร์ เริ่มพัฒนาโดย ทิม เบอร์เนอรส์ ลี (Tim Berners Lee) สำหรับภาษา SGML ในปัจจุบัน HTML เป็นมาตรฐานหนึ่งของ ISO ซึ่งจัดการโดย World Wide Web Consortium (W3C) ในปัจจุบัน ทาง W3C ผลักดัน รูปแบบของ HTML แบบใหม่ ที่เรียกว่า XHTML ซึ่งเป็นลักษณะของโครงสร้าง XML แบบหนึ่งที่มีหลักเกณฑ์ในการกำหนดโครงสร้างของโปรแกรมที่มีรูปแบบที่มาตรฐานกว่า มาทดแทนใช้ HTML รุ่น 4.01 ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
HTML ยังคงเป็นรูปแบบไฟล์อย่างหนึ่ง สำหรับ .html และ สำหรับ .htm ที่ใช้ในระบบปฏิบัติการที่รองรับ รูปแบบนามสกุล 3 ตัวอักษร