windows 7: ลูกเล่น(ไร้สาระ)ที่ซ่อนอยู่?

บ่อยครั้งที่พบว่า ลูกเล่นที่ลึกลับหรือถูกซ่อนไว้ในซอฟต์แวร์ที่เรียก Easter Egg มักจะตามติดจากเวอร์ชันเก่ามาจนถึงเวอร์ชันใหม่ แม้แต่ในระบบปฎิบัติการ Windows 7 ลูกเล่นบางอย่างที่เล่นได้บน Windows Vista ก็ยังใช้ได้บน Windows 7 ด้วย อย่างทริก"ไร้สาระ"อันนี้เป็นต้น
เรื่อง ของเรื่องก็คือ ปกติเวลาเรียกใช้ฟังก์ชัน Task Switcher (หรือ Flip ใน Windows Vista) เพื่อสลับสับเปลี่ยนไปใช้แอพฯตัวอื่นๆ ที่เปิดไว้แล้ว ผู้ใช้เพียงแค่กดปุม Alt+tab บน Windows 7 หรือ Vista ก็จะมีหน้าต่างป๊อปอัพขึ้นมาพร้อมทั้งแสดงรายการของหน้าต่างโปรแกรม ด้วยขนาด thumbnail จัดแถว รอให้คุณเลือกบนพื้นใส Aero ซึ่งจะแตกต่างจากที่เคยเห็นใน Windows XP ที่เป็นแค่ไอคอนโปรแกรมเท่านั้น


หากคุณคิดถึงอินเตอร์เฟซของฟังก์ชันสลับโปรแกรมที่ไม่ค่อยไฮโซเท่าไรของ XP ก็สามารถเรียกรูปแบบเดิมขึ้นมาใช้ใน Windows 7 (หรือ Vista) ได้เหมือนกัน โดยขั้นแรกกดปุ่ม Alt+tab ด้วยมือซ้าย จากนั้นใช้มือขวากดปุ่ม Alt ทางฝั่งขวาของคีย์บอร์ด แล้วปล่อย (มือซ้ายยังกดปุ่ม Alt ค้างอยู่นะครับ) จากนั้นกด Alt+tab ด้วยมือซ้าย จะเห็นว่า Switcher ได้เปลี่ยนอินเตอร์เฟซกลับไปเป็นแบบ XP ในอดีตแล้ว โอ้ว...ได้กลิ่นอายของ XP ดีจัง :p (ภาพตัวอย่าง Task Switcher บน Windows 7 ที่แสดงไอคอนเรียบง่ายแบบ XP)

ไอคอน Show Desktop หาย

ไม่ต้องกังวลไปครับ ไอคอน Show Desktop สามารถสร้างขึ้นใหม่ได้ โดยใช้แค่เครื่องมือง่ายๆ อย่าง Notepad แต่เนื่องจากคุณไม่ได้แจ้งว่า Windows ที่ใช้อยู่เป็นเวอร์ชันอะไร ดังนั้นวิธีแก้ไขในที่นี้จะสามารถใช้ได้กับวินโดวส์ทุกเวอร์ชันตั้งแต่ 98 ถึง Vista สำหรับขั้นตอนการสร้าง Show Desktop ขึ้นมาใหม่มีดังนี้

1. เปิดโปรแกรมโน้ตแพด (Notepad) แล้วก็อปปี้ข้อความต่อไปนี้เข้าไป

กรณี ที่ใช้ 98 และ Windows XP ให้ก็อปปี้บรรดทัดข้างล่างนี้เข้าไปใส่ในโน้ตแพด

[Shell]
Command=2
IconFile=explorer.exe,3
[Taskbar]
Command=ToggleDesktop

แต่ ถ้าคุณใช้ Vista ให้ก็อปปี้ข้อความข้างล่างนี้แทน

[Shell]
Command=2
IconFile=shell32.dll,34
[Taskbar]
Command=ToggleDesktop
2. จัดเก็บไฟล์ไว้บนเดสก์ทอป โดยตั้งชื่อว่า Show Desktop.scf ขั้นตอนการจัดเก็บไฟล์ข้อความในโน้ตแพดให้มีนามสกุลแบบนี้ ให้คลิกเมนู File เลือก Save As... เลือก Save as type เป็น All Files (*.*) แล้วคลิกปุ่ม Save แล้วปิดโน้ตแพด (ย้ำว่า ชื่อไฟล์และนามสกุลจะต้องเขียนตามนี้เป๊ะคือ Show Desktop.scf)

3. และก็ถือขั้นตอนสุดท้ายนั่นคือ ลากไอคอนไฟล์ Show Desktop ลงไปใส่ใน Quicklaunch เพียงแค่นี้คุณก็ได้ไอคอนสำหรับคลิก เพื่อแสดงเดสก์ทอปกลับคืนมาแล้ว...หวังว่าคงไม่ยากเกินไปนะครับ

ไวรัส PC Antispyware 2010

ผมเพิ่งติดตั้งโปรแกรม PC Anti-Spyware 2010 เข้าไปในคอมพิวเตอร์ แต่เพื่อนบอกว่า มันไมใช่โปรแกรมป้องกันสปายแวร์ แต่ตัวมันนั่นแหละที่เป็น"สปายแวร์" เรื่องนี้จริงเท็จอย่างไรครับ? และถ้าเป็นจริงผมจะจัดการกับมันอย่างไรดีครับ?
ก่อนอื่นต้องบอกว่า เรื่องที่เพื่อนคุณว่ามานั้นเป็นเรื่องจริงครับ และเจ้าไวรัสตัวนี้ก็กำลัง หลอกให้ผู้ใช้ทั่วโลกติดตั้งมันเข้าไปในเครื่อง ดังนั้น แทนที่มันจะปกป้องคอมพิวเตอร์ของคุณ ตรงกันข้าม มันกลับพยายามขโมยข้อมูลส่วนตัวของคุณส่งออกไปให้แฮคเกอร์ ซึ่งรวมถึงหมายเลขบัตรเครดิต ตลอดจนบัญชีธนาคารของคุณ และนี่คือเหตุผลสำคัญที่ผู้ใช้ควรตรวจสอบว่าได้เผลอติดตั้งไวรัสตัวนี้เข้า ไป หรือไม่? ซึ่งถ้าหากพบก็ลบออกได้ทันที


ที่แย่กว่าการที่ทราบว่า ติดไวรัสตัวนี้เข้าไปแล้วก็คือ เราไม่สามารถ กำจัด PC Anti-Spyware 2010 ออกไปได้โดยง่าย เพราะมันก็เหมือนกับไวรัสตัวอื่นๆ ที่่สามารถซ่อนตัวเอง และทำงานในแบคกราวด์โดยที่คุณไม่รู้ตัว เอาเป็นว่า ถึงตอนนี้ คอมพิวเตอร์ของคุณได้ติดมันเข้าไปเรียบร้อยแล้ว แนะนำให้ปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้ เพื่อกำจัดมันออกไปจากเครื่องเป็นการด่วนจะดีกว่านะครับ

1. ขั้นแรกต้องหยุดไม่ให้ทำงานในหน่วยความจำ ด้วยการกำจัด (kill) โพรเซสที่เกี่ยวข้องกับไวรัสตัวนี้ ด้วยการเปิด Task Manager (กดปุ่ม Ctrl+Alt+Del หรือคลิกขวาบนทาสก์บาร์ (taskbar) เลือก Task Manager) คลิกแท็บ Processes สังเกตว่า มีรายการต่อไปนี้ปรากฎอยู่ หรือไม่?

* PC_Antispyware2010.exe
* Uninstall.exe
* jugifyryve.exe

หาก คุณพบว่า โพรเซสเหล่านี้กำลังทำงานอยู่ ให้คลิกเลือกทีละรายการแล้วคลิกปุ่ม End Process อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนนี้ยังไม่ได้เป็นการกำจัด หรือถอดถอนไวรัสตัวนี้ออกไปนะครับ เพียงแต่หยุดไม่ให้ทำงานชั่วคราวก่อนเท่านั้น เมื่อคุณรีสตาร์ทเครื่อง ไวรัสก็จะกลับมาทำงานอีกอยู่ดี

2. ขั้นตอนนี้จะเป็นการกำจัด PC Anti-Spyware 2010 ออกไปจากเครื่องคอมพิวเตอร์โดยสมบูรณ์ โดยคุณจะต้องเข้าไปลบมันออกจากรีจิสทรีที่เกี่ยวข้องกับไวรัส วิธีที่ตรวจสอบก็ง่ายมาก เริ่มต้นด้วยการสั่งรันโปรแกรม REGEDIT (กดปุ่ม Windows+R พิมพ์คำสั่ง regedit แล้วกดปุ่ม Enter) จากนั้นคลิกเข้าไปลบรายการข้างล่างนี้

HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Uninstall\PC_Antispyware2010

HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Run\ "PC Antispyware 2010"

HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\PC_Antispyware2010

HKEY_CURRENT_USER\Control Panel\don’t load\ "scui.cpl"

HKEY_CURRENT_USER\Control Panel\don’t load\ "wscui.cpl"

3. ขั้นตอนสุดท้ายคุณจะต้องลบไฟล์ทั้งหมด และไดเร็กทอรี่ที่เกี่ยวข้องกับ PC Anti-Spyware 2010 โดยเปิดหน้าต่าง Windows Explorer (กดปุ่ม Windows + E) แล้วคลิกเข้าไปลบไดเร็กทอรี่ต่อไปนี้

C:\Program Files\PC_Antispyware2010

C:\Program Files\PC_Antispyware2010data

อย่าง ไรก็ตาม มันอาจจะยังมีไฟล์ไวรัสตกค้างในโฟลเดอร์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องซ่อนอยู่ในระบบอีก แนะนำให้ตรวจสอบด้วยการพิมพ์ในช่องเสิร์ชว่า "PC_Antispyware2010" โดยเลือกให้ค้นในไดเร็กทอรี่ของระบบ (System directory) และโฟลเดอร์ที่ซ่อนไว้ (History folder) เพื่อลบมันออกไปให้สิ้นซาก

(*สังเกตว่า ไม่ว่าจะกดเพื่อแอคชั่นอะไรก็ตาม มันจะปีอปอัพหน้าต่างชวนให้คุณลงทะเบียนอยู่ตลอดเวลาจนน่ารำคาญ นิสัยแย่มากๆ)

กำจัดไวรัส Autorun

สำหรับผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ทุกท่าน
ถ้าคุณเป็นผู้ หนึ่งที่ใช้งานคอมพิวเตอร์และใช้ Flash Drive หรือ USB hard disk ในการโอนถ่ายข้อมูลระหว่างเครื่อง คุณทราบหรือไม่ว่าคุณกำลังเสี่ยงกับการติดไวรัสอย่างมาก โดยเฉพาะไวรัส AutoRun ซึ่งเป็นไวรัสที่ผมได้พบบ่อยมากๆ

Virus Autorun บน Flash Drive
อา การที่สังเกตุง่ายๆ เมื่อติดไวรัส AutoRun แล้ว นั่นคือ เราจะไม่สามารถเปิดไฟล์งานได้โดยตรง จะขึ้นคำว่า "Open with" และถ้าเราเข้าไปดูรายชื่อไฟล์ใน Flash Drive จะพบไฟล์ที่ชื่อว่า "Autorun.ini" ถ้าเครื่องคอมฯ ของคุณติดไวรัสนี้แล้ว แค่เพียงนำ Flash Drive ของคนอื่น มาเสียบก็จะทำให้ติดไวรัส AutoRun ได้ทันที



วิธีกำจัดไวรัส AutoRun

เพียง แค่ download และติดตั้งโปรแกรม CPE17 Autorun Killer ซึ่เป็นฟรีโปรแกรมที่สามารถหา download มาติดตั้งใน "Startup" และสั่งให้รันทุกครั้งที่เปิด Windows โปรแกรมจะตรวจสอบการเสียบ Flash Drive อัตโนมัติ และจะทำการลบไฟล์ Autorun รวมทั้งไฟล์ที่มีนามสกุล .EXE ใน root ของ Flash Drive

:: Download โปรแกรม CPE17 Autorun Killer ขนาดไฟล์ประมาณ 52 KB

ทิปเพิ่มเติม

•ห้ามทำการ copy โปรแกรมเก็บไว้ใน root directory ของ Flash Drive เพราะจะถูกลบอัตโนมัติ
•ก่อนการใช้งาน Flash Drive ทุกครั้ง ควรทำการรัน scan virus ก่อนทุกครั้ง

เร่งสปีด-รีดไขมัน" IE8 กันดีกว่า

ส่วนตัวแล้วจะใช้บราวเซอร์ทั้ง IE และ Firefox ควบคู่กันไป เนื่องจากต่างก็มีจุดแข่ง และจุดอ่อนของการทำงานกันทั้งคู่ โดยคุณสมบัติหลักๆ ทีผู้ใช้ต้องการจากบราวเซอร์ก็คือ ความเร็ว สเถียรภาพของการทำงาน และความปลอดภัย ซึ่งประเด็นใหญ่มักจะได้รับคำถามจากคุณผู้อ่านอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะผู้ใช้ IE ที่ไม่ต้องการเปลี่ยนไปใช้บราวเซอร์ตัวอื่นนั่นก็คือ วิธีปรับแต่งการทำงานให้เร็วขึ้น วันนี้ก็เลยถือโอกาสนำวิธีเรื่องสปีด IE8 มาฝากกันครับ

ผู้ใช้ส่วนใหญ่รู้สึกว่า IE8 ยังโหลดหน้าเว็บได้ไม่เร็วไหลลื่นเป็นที่พอใจเท่าที่ควร ซึ่งความจริงแล้ว มันมีปัจจัยอยู่หลายประการทีเดียวที่ทำให้เป็นเช่นนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหน่วยความจำระบบที่เหลืออยู่ (โหลดโปรแกรมอื่่นๆ ค้างไว้มากมาย หรือเปิดหลายแท็บ แถมบางแท็บก็กำลังโหลด Video จาก YouTube อยู่ด้วย) พื้นทีว่างบนฮาร์ดดิสก์ หรือจำนวนของโพรเซส (processes) ที่ทำงานในแบคกราวด์ เป็นต้น ซึ่งหากต้องการทำให้ประสิทธิภาพของ IE8 ดีขึ้น นอกจากจะการเตรียมความพร้อมในเรื่องของระบบ และการใช้งานข้างต้นแล้ว เรายังต้องรีดไขมันส่วนเกิน (คุณสมบัติการทำงานที่คุณไม่ได้ใช้) ของ IE8 ออกไปด้วย เพื่อให้คุณได้ท่องเว็บด้วยบราวเซอร์ตัวโปรดได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ในขณะที่ยังคงปลอดภัยอยู่ด้วย ซึ่งมีคำแนะนำดังต่อไปนี้ 1. ตรวจสอบจำนวน Toolbars ทีคุณติดตั้งไว้ใน IE ถ้าจะให้ดีไม่ควรมีมากกว่า 1 ตัว ลดจำนวนปุ่มใช้งานต่างๆ บนทูลบาร์ให้เหลือน้อยทีสุด เอาเฉพาะที่จำเป็นสำหรบคุณเท่านั้น โดยคุณสามารถลดจำนวนปุ่มได้ด้วยการคลิกขวาบนทูลบาร์เลือกคำสั่ง Customize เลือกคำสั่ง Add or Remove Commands...



2. ยกเลิก (Disable) หรือถอดถอน (Remove) โปรแกรมเสริม (Add-ons) accelerations (หากคุณผู้อ่านไม่ได้ใช้คุณสมบัตินี้) และ Search Providers โดยคุณสามารถเข้าไปจัดการเรื่องนี้ได้ด้วยการเลือกเมนู Tools คลิก Manage Add-Ons



3. ปิดฟังก์ชัน Suggested Sites ใน Favorites Bar



4. ยกเลิกการปรับแต่งการทำงานอัตโนมัติ (Disable Automatic Configuration) พีซีบางเครื่องจะมีการตั้งค่าบางอย่างที่ทำให้การเปิดบราวเซอร์ช้าลง ในการยกเลิกออปชันเหล่านี้ให้คลิกเมนู Tools เลือกคำสั่ง Internet Options คลิกแท็บ Connections คลิกปุ่ม LAN Settings ยกเลิกเช็คบ๊อกซ์ทั้งหมดในกรอบ "Automatic Configuration"



5. ตั้งค่าตัวเลือกมัลติมีเดีย โดยเปิด Internet Options จากเมนู Tools คลิกแท็บ Advanced เลื่อนไปยังเซ็คชั่น Multimedia จากนั้นยกเลิกเช็คบ๊อกซ์หน้ารายการ Always use Clear Type for HTML, Play animations in webpages และ Play sounds in webpages



ผู้ ใช้ IE8 ที่ต้องการความเร็วในการใช้งาน ลองนำข้อปฏิบัติข้างต้นนี้ไปใช้ดูนะครับ เชื่อว่ามันน่าจะทำให้คุณใช้ IE8 ได้อย่างแฮปปี้กว่าเดิม ส่วนคุณผู้อ่านท่านใดที่มีประสบการณ์ในการปรับแต่งความเร็ว IE8 ก็สามารถเข้ามาแชร์ไอเดียเพิ่มเติมกันได้นะครับ เพื่อจะได้เป็นประโยชน์กับผู้ใช้ท่านอื่นๆ มากขึ้นด้วย นายเกาเหลาขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกไอเดียที่สร้างสรรค์ครับ

หลักการแก้ไขปัญหาคอมพิวเตอร์

1.พยายามหาสาเหตุว่าเป็นเพราะส่วนประกอบใดของคอมพิวเตอร์โดยสังเกตุอาการที่ เกิดขึ้นทุกครั้งที่คอมพิวเตอร์เกิดอาการผิดปกติหรือทำงานผิดพลาด คอมพิวเตอร์ จะแสดงข้อความที่จะบอกเราถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น Drive A is not Access, Can not Fine this file,invalid Drive ข้อความเหล่านี้จะบอกถึงสถานะที่เกิดขึ้นขณะนั้น

2.เมื่อมีสมมุติฐานในเบื้องต้นแล้ว สิ่งสำคัญที่จะต้องทำต่อมาก็คือ เราต้องพยายามพิสูจน์สมมุติฐานของเรา หรือพูดง่ายๆก็คือ ลองแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นดูก่อนโดยสังเกตูจากข้อความที่แจ้งหรืออาการที่เกิด ขึ้นนั้น โดยในการลองผิดลองถูกนั้นเราจะต้องพยายามจด จำไว้เสมอว่าเราได้ทำอะไรไปบ้าง
3.เมื่อเรารู้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าอาการเสียดังกล่าวเกิดขึ้นจากสาเหตุอะไร เราจะต้องพยายามศึกษษการทำงานเบื้องต้นของอุปกรณ์เหล่านั้นเสียก่อน เช่น ถ้าเกิดขึ้นจากฮาร์ดดิสก์ เราก็ควรจะรู้จักกับฮาร์ดดิสก์บ้างเล็กน้อย เป็นต้นว่า อะไรคือ Partition ทำไมต้องทำการแบ่งพาร์ติชัน มีความสำคัญอย่างไร

4.ลงมือจัดการกับอาการเสียเหล่านั้นได้เลย โดยจะต้องพยายามจดจำสิ่งที่เราทำลงไปได้เสมอว่าทำอะไรลงไปบ้าง สำหรับการซ่อมอาการเสียในเบื้องต้น ที่พบบ่อยๆ อาจแก้ไขเองได้ แต่ในอาการที่หนัก อาจส่งให้กับช่างผู้เชี่ยวชาญ

5.หลังจากที่เราซ่อมในส่วนที่เราคิดว่าเสียหายจนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายที่เราจำเป็นที่จะต้องทำ นั่นก็คือ การตรวจสอบการทำงานหลังการซ่อมเสร็จอแล้วนั่นเอง ถ้าหากว่าเราซ่อมได้ผล อาการเสียที่ว่าคงจะดีขึ้น

เทคนิคง่ายๆ ยืดอายุแบต คุณก็ทำได้


ถ้ามองกันจริงๆแล้ว โน้ตบุ๊กนั้นถูกสร้างมาเพื่อช่วยให้พวกเราสะดวกสบายมากขึ้น ในเรื่องของการพกพาที่เอาติดตัวไปได้ทุกที่ ซึ่งเป็นจุดเด่นของโน้ตบุ๊ก และเป็นความแตกต่าง ที่ชัดเจนที่สุด ระหว่างโน้ต บุ๊ก และพี ซีตั้งโต๊ะ (Desktop pc) ด้วยความสามารถในเรื่องของการ ทำงานนอกสถานที่ โดยไม่จำเป็นต้องเสียบปลั๊ก ทำให้โน้ตบุ๊กต้องมีแหล่งพลังงานในตัวเอง ซึ่งมีการพัฒนาไปค่อนข้างมาก ทั้งแบตเตอรี่ แบบพิเศษ รวมถึงใช้พวกของเหลว แต่ทว่าเป็นเีพียงการทำต้นแบบออกมาเท่านั้น ในปัจจุบันโน้ตบุ๊กส่วนใหญ่ ยังคงใช้แบตเตอรี่แบบลิเทียม ไอออนเท่านั้น ซึ่งก็มีข้อจำกัดในเรื่องของระยะเวลาการใช้งาน ต่อการชาร์จแบตเตอรี่ 1 ครั้ง รวมถึงอายุ ของตัวแบตเตอรี่เอง ที่มีการเสื่อมลงเรื่อยๆ ทุกวัน โดยเฉลี่ยแล้วการชาร์จแบ ตเตอรี่จนเต็ม 1 ครั้ง จะสามารถใช้งานได้นานราวๆ 2 - 3 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับขนาดแบตเตอรี่ และจำนวนเซลล์ด้วย



ดูระยะเวลาแล้ว ผมคิดว่าไม่น่าจะเพียงพอสำหรับใครหลายๆ คนที่จำเป็น ต้องใช้โน้ตบุ๊กนานๆ นอกสถานที่ซะด้วยสิ... ก่อนจะไปถึง เรื่องเทคนิคต่างๆ ตอนนี้มา ทำความรู้จักกันก่อนว่า แบตเตอรี่โน้ตบุ้คนั้นมีกี่ประเภท

1. แบตเตอรี่ นิกเกิล แคดเมียม (Ni-Cd)
2. แบตเตอรี่ นิกเกิล เมทัล ไฮไดร์ (NiMH)
3. แบตเตอรี่ ลิเธียม ไอออน ที่เราใช้อยู่ในปัจจุบันมากที่สุด...
4. แบตเตอรี่ ลิเธียม พอลิเมอร์ เป็นแบตเตอรี่ที่กำลังมาแรง โดยจะมาแทนที่ลิเธียม ไอออน เนื่องจากสามารถให้พลังงานได้ มากกว่า มีโน้ตบุ้คบางรุ่น นำมาใช้แล้ว อย่างเช่น Lenovo Thinkpad X300


พอเรารู้ข้อมูลเกี่ยวกับแบตเตอรี่กันไปแล้ว ทีนี้ก็มาถึง Tip ดีๆ ที่จะมาช่วยในเรื่องของ การประหยัดพลังงาน แบตเตอรี่ มีประมาณ 12 เทคนิคด้วยกัน มาดูกันทีละอันไปเลย



1. ควรจะปรับความสว่างของหน้าจอไม่ให้สว่างมากเกินไป เพื่อลดการใช้พลังงาน เพราะว่า จอแอลซีดีของโน้ตบุ๊ก จะใช้ไฟแบลคไลท์ ให้ความสว่างแก่ผลึกเหลวคริสตัลที่อยู่ในจอแอลซีดี และไฟแบคไลท์นี้เอง ที่กินพลังงาน เป็นจำนวนมากในอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้

2. ปกติถ้าเราไม่ได้ใช้งานพวกระบบ การเชื่อมต่อไร้สายต่างๆ เช่น Bluetooth , Wi-Fi ควรจะปิด (Disable) เอาไว้ เพราะอุปกรณ์พวกนี้ กินไฟใช่ย่อยเลย โดยเฉพาะ Wi-Fi นั้นกินมากเป็นพิเศษ

3. ถ้าไม่ได้อยู่หน้าเครื่องเป็นระยะเวลานาน แนะนำให้เข้าสู่โหมด standby หรือ hibernate ไว้ เพราะอุปกรณ์หลักๆ ของเครื่องจะหยุดทำงานทั้งหมด ประหยัดแบ ตไปได้อีกเยอะ หรือถ้าขี้เกียจมานั่งเข้าโหมด Standby ทุกครั้ง ก็ไปตั้งเวลาในส่วนของ Power Options แทนก็ได้ครับ ส่วนใครไม่อยากตั้ง ก็สามารถเข้าสู่โหมด Standby เองได้เลย

4. เปิดใช้ screen saver ้แทนการ standby หรือ hibernate แต่แนะนำว่าไม่ควรจะใช้เป็นพวกรูปภาพต่างๆ ควรใช้ เป็น blank screen เพราะจะประหยัดพลังงานมากกว่า หรือไม่ใช้เลยจะดีที่สุด

5. ควร copy ไฟล์จากแผ่น cd dvd ต่างๆไว้บน HDD ไม่เปิดจากแผ่นโดยตรง และไม่ใส่แผ่นทิ้งไว้ในเครื่อง สาเหต ุเพราะว่าทุกๆ ครั้งที่ เราสั่งให้เครื่องอ่านข้อมูลจากแผ่น มอเตอร์ของไดรฟ์ CD หรือ DVD จะทำงาน ซึ่งต้องใช้กำลังไฟ

6. ควรทำการ defragment ฮาร์ดดิสก์ เพื่อจัดเรียงไฟล์อย่างมีระบบ ลดภาระการทำงานของหัวอ่านฮาร์ดดิสก์ ที่ไม่ต้องวิ่งไปมาหลายตำแหน่ง นอกจากจะช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้ ยังช่วยให้เราเปิดไฟล์ต่างๆ ได้รวดเร็วกว่าเดิมอีกด้วย

7. ปิดการทำงานของโปรแกรมบางตัวที่มันจะรันเมื่อเราเข้าสู่วินโดวส์ ถ้ายังไม่ชัดเจนก็ลองนึกถึง MSN Messenger ที่โหลดเปิดหน้าจอเองทุกครั้ง หรือไม่ก็เป็นตัว Control ปรับแต่งชิปกราฟิกของ ATI ที่มักจะโหลดเข้าสู่ หน่วยความจำทุกครั้ง รวมถึงโปรแกรมบางตัวด้วย

8. เมื่อไม่ได้ใช้อุปกรณ์เชื่อมต่อ usb ต่างๆ ควรถอดออก อย่างเช่น mouse ถ้าเป็นไปได้อาจจะใช้ touch pad แทน

9. ไม่ควรเปิดเสียงลำโพง speaker ดังมาก เพราะว่าจะทำให้เปลืองแบตเตอรี่

10. ไม่ควรเปิดใช้งานหลายๆโปรแกรมในเวลาเดียวกัน เนื่องจากทำให้ memory และ cpu ทำงานหนัก

11. ดูแลรักษาแบตเตอรี่ ครั้งแรกที่ซื้อโดยควรชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม และไม่ค่อยปล่อยให้แบตเตอรี่หมด หรือว่าเหลือ 0% แล้วค่อยชาร์จ จะทำให้แบตเสื่อม ทางที่ดีเห็นว่าเหลือน้อยแล้ว ก็รีบชาร์จจะดีกว่า

12. บางคนอาจจะเจอปัญหาว่า ทำไมใช้โน้ตบุ้คอยู่ดีๆ ก็ดับไป ทั้งๆ ที่ก่อนเครื่องจะดับ เราก็เห็นว่ายังมีแบตอยู่ มากกว่าครึ่ง ปัญหานี้เกิดจาก ประจุค้างอยู่ในแบตเตอรี่ แก้ปัญหาโดยเมื่อเราชาร์จไปทุกๆ 30 ครั้ง ควรจะใช้ให้หมด แล้วชาร์จใหม่ทีเดียว เป็นการเคลียร์ cell battery (ปัญหานี้จะเจอได้ใน แบตเตอรี่พวก ลิเธียมไอออน ที่เราใช้ อยู่ในปัจจุบัน)

รหัส Blue Screen ( จอฟ้า ) สำหรับคนซ่อมคอมบ่อยๆ


คำว่า Blue Screen คนเล่นคอม จะรู้จักดี และเป็นสิ่งที่ทุกคนกลัว ไม่อยากให้เกิดกับคอมพิวเตอร์ของ ตัวเอง เพราะถ้าเกิดนั้นเป็นสัญญาณ บอกเหตุว่า คอมพิวเตอร์ของ เราเริ่มจะมีปัญหาซะแล้ว

แต่่ที่น่าเจ็บใจคือมันบอกเป็นเลขรหัสที่เราไม่รู้ว่า มันคืออะไร และจะมีทางแก้ไขอย่างไร ที่จริงแล้วรหัสที่แจ้งของ Blue Screen มีเกินร้อยตัว แต่จะมาแนะนำเฉพาะที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ

(stop code 0X000000BE)Attempted Write To Readonly Memory
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการนี้เกิดจากการลง driver หรือ โปรแกรม หรือ service ที่ผิดพลาด เช่น ไฟล์บางไฟล์เสีย ไดร์เวอร์คนละรุ่นกัน
ทางแก้ไข ให้ uninstall โปรแกรมตัวที่ลงก่อนที่จะเกิดปัญหานี้ ถ้าเป็นไดร์เวอร์ก็ให้ทำการ roll back ไดร์เวอร์ตัวเก่ามาใช้ หรือ หาไดร์เวอร์ที่ล่าสุดมาลง (กรณีที่มีใหม่กว่า) ถ้าเป็นพวก service ต่างๆที่เราเปิดก่อนเกิดปัญหาก็ให้ทำการปิด หรือ disable ซะ

(stop code 0X000000C2) Bad Pool Caller
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
ตัวนี้จะคล้ายกับตัวข้างบน แต่เน้นที่พวก hardware คือเกิดจากอัฟเกรดเครื่องพวก Hardware ต่าง เช่น ram ,harddisk การ์ดต่างๆ ไม่ compatible กับ XP ทางแก้ไข
ก็ให้เอาอุปกรณ์ที่อัฟเกรดออก ถ้าจำเป็นต้องใช้ก็ให้ลงไดร์เวอร์ หรือ อัฟเดท firmware ของอุปกรณ์นั้นใหม่ และคำเตือนสำหรับการจะอัฟเดท ให้ปิด anti-virus ด้วยนะคะเดียวมันจะยุ่งเพราะพวกโปรแกรม anti-virus มันจะมองว่าเป็นไวรัส

(stop code 0X0000002E) Data Bus Error
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการนี้เกิดจากการส่งข้อมูลที่เรียกว่า BUS ของฮาร์ดแวร์เสียหาย ซึ่งได้แก่ ระบบแรม ,Cache L2 ของซีพียู , เมมโมรี่ของการ์ดจอ, ฮาร์ดดิสก์ทำงานหนักถึงขั้น error (ร้อนเกินไป) และเมนบอร์ดเสีย

(stop code 0X000000D1)Driver IRQL Not Less Or Equal
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการไดร์เวอร์กับ IRQ(Interrupt Request ) ไม่ตรงกัน การแก้ไขก็เหมือนกับ error ข้อที่ 1

(stop code 0X0000009F)Driver Power State Failure
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการนี้เกิดจาก ระบบการจัดการด้านพลังงานกับไดรเวอร์ หรือ service ขัดแย้งกัน เมื่อคุณให้คอมทำงานแบบ"Hibernate" แนวทางแก้ไข ถ้าวินโดว์แจ้ง error ไดร์เวอร์หรือ service ตัวไหนก็ให้ uninstall ตัวนั้น หรือจะใช้วิธี Rollback driver หรือ ปิดระบบจัดการพลังงานของวินโดว์ซะ

(stop code 0X000000CE) Driver Unloaded Without Cancelling Pending Operations
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการไดร์เวอร์ปิดตัวเองทั้งๆ ทีวินโดว์ยังไม่ได้สั่ง การแก้ไขให้ทำเหมือนข้อ 1

(stop code 0X000000F2)Hardware Interrupt Storm
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการที่เกิดจากอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ เช่น USB หรือ SCSI controller จัดตำแหน่งกับ IRQ ผิดพลาด สาเหตุจากไดร์เวอร์หรือ Firmware การแก้ไขเหมือนกับข้อ 1

(stop code 0X0000007B)Inaccessible Boot Device
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการนี้จะมักเจอตอนบูตวินโดว์จะมีข้อความบอกว่าไม่สามารถอ่านข้อมูล ของไฟล์ระบบหรื อ Boot partitions ได้ ให้ตรวจฮาร์ดดิสก์ว่าปกติหรือไม่ สายแพหรือสายไฟที่เข้าฮาร์ดดิสก์หลุดหรือไม่ ถ้าปกติดีก็ให้ตรวจไฟล์ Boot.ini อาจจะเสีย หรือไม่ก็มีการทำงานแบบ Multi OS ให้ตรวจดูว่าที่ไฟล์นี้อาจเขียน Config ของ OS ขัดแย้งกัน

อีกกรณีหนึ่ง ที่เกิด error นี้ คือเกิดขณะ upgrade วินโดว์ สาเหตุจากมีอุปกรณ์บางตัวไม่ Compatible ให้ลองเอาอุปกรณ์ ที่ไม่จำเป็นหรือคิดว่ามีปัญหาออก เมื่อทำการ upgrade วินโดว์เรียบร้อย ค่อยเอาอุปกรณ์ที่มีปัญหาใส่กลับแล้วติดตั้งด้วยไดร์ เวอร์รุ่นล่าสุด

(stop code 0X0000007A) Kernel Data Inpage Error
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการนี้เกิดมีปัญหากับระบบ virtual memory คือวินโดว์ไม่สามารถอ่านหรือเขียนข้อมูลที่ swapfile ได้ สาเหตุอาจเกิดจาก ฮาร์ดดิสก์เกิด bad sector, เครื่องติดไวรัส, ระบบ SCSI ผิดพลาด, RAM เสีย หรือ เมนบอร์ดเสีย

(stop code 0X00000077)Kernel Stack Inpage Error
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการ และสาเหตุเดียวกับข้อ 9

(stop code 0X0000001E)Kmode Exception Not Handled
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการนี้เกิดการทำงานที่ผิดพลาดของไดร์เวอร์ หรือ service กับ หน่วยความจำ และ IRQ ถ้ามีรายชื่อของไฟล์หรือ service แสดงออกมากับ error นี้ให้ทำการ uninstall โปรแกรมหรือทำการ Roll back ไดร์เวอร์ตัวนั้น

ถ้ามีการแจ้งว่า error ที่ไฟล์ win32k สาเหตุเกิดจาก การ control software ของบริษัทอื่นๆ (Third-party) ที่ไม่ใช้ของวินโดว์ ซึ่งมักจะเกิดกับพวก Networking และ Wireless เป็นส่วนใหญ่
Error นี้อาจจะเกิดสาเหตุอีกอย่าง นั้นคือการ run โปรแกรมต่างๆ แต่หน่วยความจำไม่เพียงพอ

(stop code 0X00000079)Mismatched Hal
สาเหตุและแนวทางแก้ไข
อาการนี้เกิดการทำงานผิดพลาดของ Hardware Abstraction Layer (HAL) มาทำความเข้าใจกับเจ้า HAL ก่อน HAL มีหน้าที่เป็นตัวจัดระบบติดต่อระหว่างฮาร์ดแวร์กับซอฟท์แวร์ว่าแอพพลิเคชั่น ตัวไหนวิ่งกับอุปกรณ์ตัวไหนให ้ถูกต้อง ยกตัวอย่าง คุณมีซอฟท์แวร์ที่ออกแบบไว้ใช้กับ Dual CPU มาใช้กับเมนบอร์ดที่เป็น Single CPU วินโดว์ก็จะไม่ทำงาน วิธีแก้คือ reinstall วินโดว์ใหม่
สาเหตุอีกประการการคือไฟล์ที่ชื่อ NToskrnl.exe หรือ Hal.dll หมดอายุหรือถูกแก้ไข ให้เอา Backup ไฟล์ หรือเอา original ไฟล์ที่คิดว่าไม่เสียหรือเวอร์ชั่นล่าสุดก๊อปปี้ทับไฟล์ที่เสีย

(stop code 0X0000003F)No More System PTEs
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้เกิดจากระบบ Page Table Entries (PTEs) ทำงานโดย Virtual Memory Manager (VMM) ผิดพลาด ทำให้วินโดว์ทำงานโดยไม่มี PTEs ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับวินโดว์ อาการนี้มักจะเกิดกับการที่คุณทำงานแบบ multi monitors
ถ้าคุณเกิดปัญหานี้บ่อยครั้ง คุณสามารถปรับแต่ง PTEs ได้ใหม่ ดังนี้
1. ให้เปิด Registry ขึ้นมาแก้ไข โดยไปที่ Start > Run แล้วพิมพ์คำสั่ง Regedit
2. ไปตามคีย์นี้ HKEY_LOCAL_MACHINESYSTEMCurrentControlSetControlSe ssion ManagerMemory Management
3. ให้ดูที่หน้าต่างขวามือ ดับคลิกที่ PagedPoolSize ให้ใส่ค่าเป็น 0 ที่ Value data และคลิก OK
4. ดับเบิลคลิกที่ SystemPages ถ้าคุณใช้ระบบจอแบบ Multi Monitor ให้ใส่ค่า 36000 ที่ Value data หรือใส่ค่า 40000 ถ้าเครื่องคุณมี RAM 128 MB และค่า 110000 ในกรณีที่เครื่องมี RAM เกินกว่า 128 MB แล้วคลิก OK รีสตาร์ทเครื่อง

(stop code 0X00000024) NTFS File System
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้สาเหตุเกิดจากการรายงานผิดพลาดของ Ntfs.sys คือไดร์เวอร์ของ NTFS อ่านและเขียนข้อมูลผิดพลาด สาเหตุนี้รวมถึง การทำงานผิดพลาดของ controller ของ IDE หรือ SCSI เนื่องจากการทำงานของโปรแกรมสแกนไวรัส หรือ พื้นที่ของฮาร์ดดิสก์เสีย คุณๆ สามารถทราบรายละเอียดของerror นี้ได้โดยให้เปิดดูที่ Event Viewer วิธีเปิดก็ให้ไปที่ start > run แล้วพิมพ์คำสั่ง eventvwr.msc เพื่อเปิดดู Log file ของการ error โดยให้ดูการ error ของ SCSI หรือ FASTFAT ในหมวด System หรือ Autochk ในหมวด Application

(stop code 0X00000050)Page Fault In Nonpaged Area
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้สาเหตุการจากการผิดพลาด ของการเขียนข้อมูลในแรม การแก้ไขก็ให้ทำความสะอาดขาแรม หรือลองสลับแรมดูหรือไ ม่ก็หาโปรแกรมที่ test แรมมาตรวจว่าแรมเสีย หรือไม่

(stop code 0Xc0000221)Status Image Checksum Mismatch
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้สาเหตุมาจาก swapfile เสียหายรวมถึงไดร์เวอร์ด้วย การแก้ไขก็เหมือนข้อ 15

(stop code 0X000000EA)Thread Stuck In Device Driver
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการของ error นี้คือการทำงานของเครื่องจะทำงานในแบบวนซ้ำๆ กันไม่สิ้นสุด เช่นจะรีสตาร์ทตลอด หรือแจ้งerror อะไรก็ได้ขึ้นมาไม่หยุด ปัญหานี้ สาเหตุอาจจะเกิดจาก Bug ของโปรแกรมหรือสาเหตุอื่นๆ เป็นร้อย การแก้ไขให้พยายามทำตามนี้

1.ให้ดูที่ Power supply ของคุณว่าจ่ายกำลังไฟเพียงพอกับความต้องการของคอมคุณ หรือไม่ ให้ดูว่าในเครื่องคุณมีอุปกรณ์มากไป ไม่เหมาะกับ Power supply ของคุณ ก็ให้เปลี่ยนตัวใหม่ให้กำลังมากขึ้น
2. ให้คุณดูที่การ์ดจอว่าได้ใช้ไดร์เวอร์ตัวล่าสุด ถ้าแน่ใจว่าใช้ตัวล่าสุดแล้วยังมีอาการ ก็ให้ทำการ Rollback ไดร์เวอร์ตัวก่อน ที่จะเกิดปัญหา
3. ตรวจดูการ์ดจอ และเมนบอร์ดว่าเสียหรือไม่เช่น มีรอยไหม้, ลายวงจรขาด มีชิ้นส่วนบางชิ้นหลุดจากตำแหน่งเดิม เป็นต้น
4. ดูที่ Bios ว่าส่วนของ VGA slot เลือกโหมด 4x,8x ถูกตามสเปคของการ์ดหรือไม่
5. เช็คดูที่ผู้ผลิดเมนบอร์ดว่ามีไดร์เวอร์ตัวใหม่ หรือไม่ ถ้ามีให้โหลดลงใหม่ซะ
6. ถ้าคุณมีการ์ดแลนหรือเมนบอร์ดของคุณมี on board อยู่ให้ disable ฟังก์ชั่น "PXE Resume/Remote Wake Up" โดยไปปิดที่ BIOS

(stop code 0X0000007F) unexpected Kernel Mode Trap
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการนี้ส่วนใหญ่จะเป็นกับนัก Overclock เป็นอาการ RAM ส่งข้อมูลให้ CPU ไม่สัมพันธ์กันคือ CPU วิ่งเร็วเกินไป หรือร้อนเกินไปสาเหตุเกิดจากการ Overclock วิธีแก้ก็คือลด clock ลงมาให้เป็นปกติ หรือ หาทางระบายความร้อนจาก CPU ให้มากที่สุด

(stop code 0X000000ED)Unmountable Boot Volume
สาเหตุและแนวทางแก้ไข:
อาการที่วินโดว์หาฮาร์ดดิสก์ไม่เจอ (ไม่ใช่ตัวบูตระบบ) ในกรณีที่คุณมีฮาร์ดดิสก์หลายตัว หนึงในนั้น คุณอาจใช้สายแพ ของฮาร์ดดิสก์ผิด เช่น ฮาร์ดดิสก์เป็นแบบ 33MB/secound ซึ่งต้องใช้สายแพ 40 pin แต่คุณเอาแบบ 80 pin ไปต่อแทน