เอเซอร์ ใช้มัลติแบรนด์เจาะกลุ่มลูกค้าไอที


หวังกระตุ้นยอดขาย เน้นเจาะกลุ่มลูกค้ามากขึ้น ยก “อี-แมชีนส์” จับตลาดล่างเน้นราคา ขณะที่เอเซอร์จะเป็นกลุ่มเทคโนโลโลยีและนวัตกรรม พร้อมทั้งเปิดแนวรบตลาดไฮเอนด์ ...นายนิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวถึงกลยุทธ์การทำตลาดของเอเซอร์ในช่วงครึ่งหลังปี 2552 ว่า ภาพรวมตลาดไอทีของประเทศไทยถือว่าผ่านจุดต่ำที่สุด คือ ไตรมาสที่ 4 ปี 2551 มาแล้ว โดยช่วงไตรมาสที่ 1 และ 2 ของปี 2552 ตลาดไอทีได้รับสัญญาณที่กำลังซื้อจะกลับมาอีกครั้ง แม้เชื่อว่ายอดขายในแง่จำนวนในตลาดรวมแล้วอาจจะตกลงไป 15-20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เนื่องจากความต้องการสินค้าไอทีไม่ลดลง และผู้บริโภคจะหันไปเลือกซื้อสินค้าที่มีราคาถูกกว่าเดิม เช่น เน็ตบุ๊คแทนโน้ตบุ๊ค อย่างไรก็ตามสำหรับเอเซอร์ยังต้องขยายตลาด และเพิ่มอัตราการเติบโตต่อไปผจก.อาวุโสฝ่ายการตลาด บ.เอเซอร์ฯ กล่าวว่า ในเมื่อตลาดคอนซูมเมอร์ และธุรกิจขนาดกลางและเล็ก หรือ เอสเอ็มอี ยังเป็นความหวังในตลาดไอทีเมืองไทย เอเซอร์จึงนำกลยุทธ์การทำตลาดมัลติเปิลแบรนด์มาใช้ โดยจากนี้ไปเอเซอร์จะมีสินค้าคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คทำตลาดใน 3 แบรนด์หลัก ได้แก่ อี-แมชีนส์ (e-Machines) ที่เน้นจับตลาดโน้ตบุ๊ค และเดสก์ท็อประดับล่างที่เน้นราคาคุ้มค่า ขณะที่ เอเซอร์ จะเน้นที่การเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ในกลุ่มเมนสตรีมพีซี และโน้ตบุ๊ค และ เกตเวย์ (GateWay) จะนำมาเจาะตลาดกลุ่มผู้ใช้งานระดับบน ที่เน้นการออกแบบ และ ความหรูหราสะท้อนความเป็นตัวตนในการใช้งาน นายนิธิพัทธ์ กล่าวต่อว่า เนื่องจากตลาดทราบดีว่าเอเซอร์ คือ แบรนด์ที่เน้นเทคโนโลยีใหม่ๆ ราคาสมเหตุสมผล แต่เมื่อเข้าสู่กลุ่มผู้ใช้ที่เน้นไลฟ์สไตล์ หรือกลุ่มที่ต้องการอารมณ์ในการตัดสินใจ กลับทำได้ไม่ดีเท่ากับคู่แข่งในตลาดบน แม้ว่าจะมีโน้ตบุ๊คเฟอร์รารีออกมา ก็เน้นไปที่กลุ่มผู้ใช้งานที่ชอบสเปคเครื่องแรงมากกว่า ดังนั้น เกตเวย์จึงเข้ามาทำตลาดนี้ได้เหมาะกว่าเอเซอร์ ด้วยการให้ผลิตภัณฑ์ที่ตรงใจ แต่เหนือกว่าความคาดหมายทั้งการออกแบบ และสเปคเครื่อง ส่วนตาดที่แข่งด้านราคาจะเป็นหน้าที่ของ อี-แมชีนส์ที่จะทำตลาด โดยหลังจากนี้โน้ตบุ๊คราคาระดับหมื่นปลายๆ ของเอเซอร์จะหายไป แล้วแทนด้วยผลิตภัณฑ์ของอี-แมชีนส์
ผจก.อาวุโสฝ่ายการตลาด บ.เอเซอร์ฯ กล่าวอีกว่า การทำการตลาดเกตเวย์ เอเซอร์ประเทศไทย ได้แยกทีมออกมาดูแลการทำตลาด เพื่อเน้นที่เกตเวย์โดยตรง ส่วนการซ่อม จะใช้ศูนย์บริการเอเซอร์ทั่วประเทศ เป็นตัวแทนศูนย์บริการที่ได้รับการแต่งตั้ง ทำให้ลูกค้ามั่นใจในคุณภาพและบริการหลังการขาย โดยตลาดกลุ่มนี้คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10% ของจำนวนเครื่องในตลาด จึงยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก ทั้งนี้ในระยะแรกเอเซอร์จะทำตลาดแบรนด์เกตเวย์ เน้นที่การสร้างแบรนด์ และความเชื่อมั่นในตลาดแก่ลูกค้าไปเรื่อยๆ จึงยังไม่หวังกำไรในปีแรกที่วางจำหน่าย ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ และโน้ตบุ๊คเกตเวย์ จะพร้อมวางจำหน่ายแบบเป็นทางการในวันที่ 23 มิ.ย.2552 นี้

1 ความคิดเห็น:

pahnny กล่าวว่า...

eMachine กะ Timeline อันไหนจะคุ้มก่ากันเนี่ยะ
ฝากเว็บเช็คราคา Acer หน่อยนะคะ http://www.yopi.co.th/mfr/cat_193/Acer